CL 701 NEW PARADIGM IN CURRICULUM DEVELOPMENT
เกริ่นนำ...
เนื้อหาสาระที่นำเสนอนี้ เป็นข้อมูลที่ใช้เพื่อการศึกษาและการแลกเปลี่่ยนเรียนรู้ ยังไม่เสร็จสมบูรณ์ และไม่ผ่านการสรุปหรือกลั่นกรองเป็นองค์ความรู้ ควรสืบค้นข้อมูลจากแหล่งข้อมูลอื่นๆเพิ่มเติมก่อนนำไปใช้...
จริยา ทองหอม
23 มิถุนายน 2556
หน่วยที่ 1 ทฤษฎีหลักสูตรและแนวทางการพัฒนาหลักสูตร
ทฤษฎีหลักสูตรเป็นความรู้ที่กล่าวถึงความสัมพันธ์ขององค์ประกอบต่าง
ๆ ของหลักสูตร
การสร้างทฤษฎีหลักสูตรตามแนวคิดของ
- วอล์กเกอร์
- เมเซีย
- แมคนีล
- อุนรุห์
- บีชัมพ์
ความหมายของหลักสูตร
ความหมายที่แคบ
-
หลักสูตร ได้แก่ วิชาที่สอน
-
โปรแกรมการศึกษา แผนที่กำหนดให้เรียนรู้
ความหมายที่กว้าง
-
หลักสูตร ได้แก่ มวลประสบการณ์ที่จัดขึ้นให้ผู้เรียน
ได้เรียนรู้
รูปแบบและขั้นตอนของการพัฒนาหลักสูตร
ตามแนวคิดของนักพัฒนาหลักสูตรต่างประเทศ
- เซเลอร์และอเล็กซานเดอร์
- กูดแลดและริชเทอร์
- ไทเลอร์
- ทาบา
- ฮันกิน
- ฟอกซ์
- บีชัมพ์
ที่มา : Power Point วิชา 210651 หน่วยที่ 1 ทฤษฎีหลักสูตรและแนวทางการพัฒนาหลักสูตร มสธ. 2554.
รายวิชา ลส.701 กระบวนทัศน์ใหม่ในการพัฒนาหลักสูตร
(RS 701 Advanced Research
Methodology) อาจารย์ผู้สอน รศ.ดร.วิชัย วงษ์ใหญ่ และ อ.ดร.มารุต พัฒผล วันที่ 17 เดือน มิถุนายน พ.ศ. 2556 เวลา 09.00 น. – 12.00 น. สถานที่ บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ส่งงานที่ อ.ดร.มารุต
พัฒผล e-mail . : rutmarut@gmail.com
สัปดาห์ที่ 1 ปรับกระบวนทัศน์การพัฒนาหลักสูตร สัปดาห์ที่ 2 การพัฒนาหลักสูตรแบบครบวงจร เค้าโครงการบรรยาย : ความท้าทาย 4 ประการใน ศตวรรษที่ 21 คุณลักษณะของ Generation
X, Y การเรียนรู้ในศตวรรษที่
21 ของ คุณหมอวิจารณ์ และปฏิบัติการถอดบทเรียน
ใบงาน เรื่อง การถอดบทเรียน
คำชี้แจง
ให้ผู้เรียนทบทวนถึงสาระและกิจกรรมการเรียนรู้และถอดบทเรียนลงในตารางแล้วนำมาแลกเปลี่ยนเรียนรู้กับเพื่อน
หัวข้อการเรียนรู้
|
สรุปประเด็นการถอดบทเรียน
|
1. อะไรคือสิ่งที่คาดหวังจากการเข้าร่วมกิจกรรมการเรียนรู้
|
พบอาจารย์ผู้สอน
/ รับทราบรายละเอียดของรายวิชา / กำหนดการสอน / ภาระงานที่ต้องปฏิบัติ
|
2.
การคิดใคร่ครวญการเรียนรู้เชื่อมโยงเข้ากับสิ่งที่ได้เรียนรู้ในการเรียนครั้งนี้
|
สัปดาห์ที่
1 ปรับกระบวนทัศน์การพัฒนาหลักสูตร สัปดาห์ที่ 2 การพัฒนาหลักสูตรแบบครบวงจร
เค้าโครงการบรรยาย
ความท้าทาย
4 ประการใน ศตวรรษที่ 21
คุณลักษณะของ
Generation
21
การเรียนรู้ในศตวรรษที่
21 ของ หมอวิจารณ์
ปฏิบัติการถอดบทเรียน
|
3.
เชื่อสิ่งที่ได้เรียนรู้จากผู้สอนหรือไม่
|
ยังไม่ปักใจเชื่อ
|
4. ถ้าเชื่อ เชื่ออย่างไร เหตุใดจึงเชื่อ
|
-
|
5. ทำไมจึงคิดว่าองค์ความรู้ที่ได้รับจากผู้สอนเป็นสิ่งที่ถูกต้อง
|
-
|
6. ถ้าไม่เชื่อ มีสาเหตุมาจากอะไร
|
เพราะเป็นขั้นตอนของการรับฟังหรือการรับสารเท่านั้นผู้ฟังต้องนำสาระความรู้ที่ได้รับฟัง มาประมวลผล ศึกษาค้นคว้าเพิ่มเติม วิเคราะห์ สังเคราะห์ และสรุปเป็นองค์ความรู้ให้ชัดเจน
แล้วค่อยตัดสินใจว่าควรเชื่อหรือไม่
|
7. ทำไมจึงคิดว่าสิ่งที่ผู้สอนพูดไม่ถูกต้อง
|
-
|
ภาคผนวก
ทบทวนสาระและกิจกรรมการเรียนรู้
1. อนาคตการทำงานในศตวรรษที่
21
2. การจัดการศึกษาต้องมุ่งเน้นให้คนไทยรักแผ่นดินเกิด
3.
การเรียนรู้ในสังคมพหุวัฒนธรรม
4. Live and learn
5. Flexibility learning วิธีการเรียนรู้ในสังคมพหุวัฒนธรรม
6. การเรียนแบบ Learning Innovative Center
การศึกษาค้นคว้าเพิ่มเติม...
วิชัย วงษ์ใหญ่
และมารุต พัฒผล (2552) จากหลักสูตรแกนกลางสู่หลักสูตรสถานศึกษา
: กระบวนทัศน์
ใหม่การพัฒนา กรุงเทพมหานคร : บริษัท จรัลสนิทวงศ์การพิมพ์
จำกัด.
ประมวลความรู้จากเว็บไซต์ ดังนี้
1. การถอดบทเรียนคืออะไร *
วิธีการจัดการความรู้แบบหนึ่ง *
- เสริมสร้างการเรียนรู้ของกลุ่ม
องค์กร
- สกัดความรู้ที่ฝังในตัวตน
องค์ความรู้ในท้องถิ่น
- เป็นบทเรียนนำมาสรุปและสังเคราะห์เป็นชุดความรู้
คู่มือ สื่อ ต่าง ๆ
- ผู้ร่วมถอดบทเรียนเกิดการเรียนรู้ร่วมกัน
- นำไปสู่วิธีการปรับวิธีคิด
และวิธีการทำงานให้มีคุณภาพยิ่งขึ้น
บทเรียน เรียนรู้จากสิ่งที่ทำมาก่อน
ทั้งที่เรากระทำหรือผู้อื่นกระทำ
* บทเรียนตนเอง ............
เกิดกระบวนการเรียนรู้ภายใน * บทเรียนที่เป็นแบบอย่างแก่ผู้อื่น ......
กระบวนการถอดบทเรียน ........... สกัดเอาแต่สาระที่สำคัญ
ๆ ....... ผ่านการเรียนรู้ร่วมกัน
กระบวนการถอดบทเรียน – เครื่องมือ ( mean)
– เรียนรู้ –เป้าหมาย ( end ) การเรียนรู้
เป็นการ เรียนรู้เกี่ยวกับการปฏิบัติไปแล้ว เพื่อรักษาจุดแข็งของการปฏิบัติการไว้ศึกษาแนวทางที่เป็นนวัตกรรม
เพื่อส่งเสริมให้มีแนวทางในการกำหนดเป็นแบบปฏิบัติที่ดีไปประยุกต์ใช้หรือนำไปเรียนรู้ต่อยอด
เครื่องมือถอดบทเรียน
หรือองค์ความรู้มี พลวัตรเสมอ เครื่องที่นิยมใช้คือ “เครื่องมือการวิเคราะห์หลังการปฏิบัติ”
การถอดบทเรียน ( Lesson - Learned )
หลักการถอดบทเรียน
เครื่องมือการวิเคราะห์หลังการปฏิบัติ
คือ เปิดใจกว้าง
รับฟังความคิดเห็นของผู้อื่น และพร้อมที่จะเรียนรู้ร่วมกัน ซึ่งไม่ได้หมายถึงการหาทางแก้ไขปัญหาหรือการตำหนิในสิ่งที่เกิดขึ้นบทเรียนซึ่งจะเกิดขึ้นจากการถอดบทเรียนนี้ไม่ได้มุ่งเน้นการแลกเปลี่ยนเรียนรู้
แต่หมายรวมถึงการจัดทำองค์ความรู้ที่เกิดจากการสังเคราะห์ในรูปแบบเอกสาร
ซึ่งแตกต่างจากการรวบรวม ( compile ) ข้อมูลหรือรายงานคำให้การ
หรือรายงานการประชุมซึ่งจะไม่นำไปสู่การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมใดๆ ( A lesson is not Learned unless something
changed )
ที่มา จากเว็บไซต์
:
http://www.slideshare.net/ssuser056902/ss-7821158
คืนข้อมูลวันที่ 21 มิถุนายน 2556
2. ความท้าทาย 4 ประการใน ศตวรรษที่ 21
1. การพึ่งพากันในระดับโลกมากขึ้น
2. จำนวนประเทศประชาธิปไตยมากขึ้น
3. ความต้องการผู้ประกอบการที่มีความคิดสร้างสรรค์
4.
ความสำคัญของการสร้างสัมพันธภาพระหว่างบุคคลที่มีต่อการพัฒนาอัตลักษณ์ส่วนบุคคล
3. การเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21
ของ คุณหมอวิจารณ์
ทักษะแห่งอนาคตใหม่: การเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21 คือ อย่างไร ?
ศตวรรษที่
21 สถานการณ์โลกมีความแตกต่างจากศตวรรษที่ 20
และ 19 ระบบการศึกษา
ต้องมีการพัฒนาเพื่อให้สอดคล้องกับภาวะความเป็นจริง
ในประเทศสหรัฐอเมริกาแนวคิดเรื่อง
"ทักษะแห่งอนาคตใหม่: การเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21" ได้ถูกพัฒนาขึ้น โดยภาคส่วนที่เกิดจากวงการนอกการศึกษา ประกอบด้วย
บริษัทเอกชนชั้นนำขนาดใหญ่ เช่น บริษัทแอปเปิ้ล บริษัทไมโครซอฟ บริษัทวอล์ดิสนีย์
องค์กรวิชาชีพระดับประเทศ และสำนักงานด้านการศึกษาของรัฐ
รวมตัวและก่อตั้งเป็นเครือข่ายองค์กรความร่วมมือเพื่อทักษะการเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21
(Partnership for 21st Century Skills) หรือเรียกย่อๆว่า
เครือข่าย P21
หน่วยงานเหล่านี้มีความกังวลและเห็นความจำเป็นที่เยาวชนจะต้องมีทักษะสำหรับการออกไปดำรงชีวิตในโลกแห่งศตวรรษที่
21 ที่เปลี่ยนไปจากศตวรรษที่ 20 และ 19 จึงได้พัฒนาวิสัยทัศน์และกรอบความคิดเพื่อการเรียนรู้ในศตวรรษที่
21ขึ้น สามารถสรุปทักษะสำคัญอย่างย่อๆ
ที่เด็กและเยาวชนควรมีได้ว่า ทักษะการเรียนรู้และนวัตกรรม
หรือ 3R
และ 4C ซึ่งมีองค์ประกอบ
ดังนี้
3 R ได้แก่ Reading (การอ่าน), การเขียน(Writing)
และ คณิตศาสตร์ (Arithmetic) และ
4 C
(Critical Thinking - การคิดวิเคราะห์, Communication- การสื่อสาร Collaboration-การร่วมมือ และ Creativity-ความคิดสร้างสรรค์ รวมถึงทักษะชีวิตและอาชีพ และทักษะด้านสารสนเทศ สื่อและเทคโนโลยี
และการบริหารจัดการด้านการศึกษาแบบใหม่
แนวคิดทักษะแห่งอนาคตใหม่:
การเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21 คืออย่างไร
และคุณลักษณะที่เด็กและเยาวชนพึงมีในโลกยุคใหม่คืออย่างไร
นอกจากนี้ยังมีนักการศึกษาอีกท่านหนึ่งที่มีส่วนสำคัญในการผลักดันเรื่องการปฎิรูปการเรียนรู้ดังกล่าวให้กว้างขวางขึ้น
คือ เซอร์เคน โรบินสัน นักการศึกษาระดับโลก
โดยได้เน้นย้ำถึงความจำเป็นในการเปลี่ยนแปลงแนวคิดการจัดการศึกษาระบบโรงงาน มาเป็นการเรียนการสอนที่เปิดโอกาสให้ผู้เรียนได้คิดอย่างสร้างสรรค์และเข้ากับบริบทของโลกที่ได้เปลี่ยนแปลงไป
ชมแอนิเมชั่นด้านบน การเปลี่ยนแปลงแนวคิดด้านการศึกษาในศตวรรษที่ 21 (Changing Education Paradigms)โดย เซอร์เคน โรบินสัน
กรอบแนวคิดข้างต้นเองก็เป็นจุดเริ่มต้นของการพัฒนาทักษะแห่งอนาคตใหม่ในประเทศไทยและท่านที่ริเริ่มและมีบทบาทสำคัญในการผลักดันได้แก่ ศ.นพ. วิจารณ์ พานิช โดยท่านได้เขียนลงบล็อก
http://www.gotoknow.org อยู่เป็นประจำ
รวมถึงได้เขียนหนังสือออกมา
การเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21
1. ศ.นพ.วิจารณ์ พานิช
ประธานกรรมการมูลนิธิสถาบันส่งเสริมการจัดการความรู้เพื่อสังคม http://www.kmi.or.th/
1. ศ.นพ.วิจารณ์ พานิช
ประธานกรรมการมูลนิธิสถาบันส่งเสริมการจัดการความรู้เพื่อสังคม http://www.kmi.or.th/
ให้เด็กเป็นผู้เลือกทั้งหมดก็ไม่ได้ เพราะเด็กยังไม่โต
ยังคิดกว้างขวางไม่ได้ การศึกษาต้องเข้าไปช่วยเข้าไปจัดการอะไรต่าง ๆ
2. นพ.ประเสริฐ ผลิตผลการพิมพ์
เลขาธิการมูลนิธิสดศรี-สฤษดิ์วงศ์ http://www.thaissf.org/
2. นพ.ประเสริฐ ผลิตผลการพิมพ์
เลขาธิการมูลนิธิสดศรี-สฤษดิ์วงศ์ http://www.thaissf.org/
จำนวนความรู้เพิ่มขึ้นมหาศาล เราไม่ต้องการเด็กที่รู้เยอะ
ท่องเก่ง เรียนเก่งแต่เพียงอย่างเดียว
อยากได้เด็กที่ใฝ่รู้ อยากเรียนรู้ของใหม่เรื่อย ๆ รู้วิธีที่จะเรียนรู้ มีทักษะการเรียนรู้ที่เรียกว่า learning skill
แล้วก็มีทักษะการใช้ชีวิต life skill
อยากได้เด็กที่ใฝ่รู้ อยากเรียนรู้ของใหม่เรื่อย ๆ รู้วิธีที่จะเรียนรู้ มีทักษะการเรียนรู้ที่เรียกว่า learning skill
แล้วก็มีทักษะการใช้ชีวิต life skill
-
See more at: http://blog.nation.ac.th/?p=2435#sthash.Zv23hrMr.dpuf
ศตวรรษที่ 21 http://www.p21.org/
1.
สาระวิชาหลัก ได้แก่ ภาษาแม่และภาษาสำคัญของโลก ศิลปะ คณิตศาสตร์ เศรษฐศาสตร์ ภูมิศาสตร์ ประวัติศาสตร์ รัฐ และความเป็นพลเมืองที่ดี
2.
แนวคิดสำคัญที่ควรรู้
- ความรู้เกี่ยวกับโลก - ความรู้ด้านการเงิน เศรษฐศาสตร์ ธุรกิจ และการเป็นผู้ประกอบการ
- ความรู้ด้านการเป็นพลเมืองที่ดี - ความรู้ด้านสุขภาพ - ความรู้ด้านสิ่งแวดล้อม
- ความรู้เกี่ยวกับโลก - ความรู้ด้านการเงิน เศรษฐศาสตร์ ธุรกิจ และการเป็นผู้ประกอบการ
- ความรู้ด้านการเป็นพลเมืองที่ดี - ความรู้ด้านสุขภาพ - ความรู้ด้านสิ่งแวดล้อม
3.
ทักษะสำคัญ 3 เรื่อง
3.1 ทักษะชีวิต และการทำงาน
- ความยืดหยุ่นและการปรับตัว - การริเริ่มสร้างสรรค์และเป็นตัวของตัวเอง
- ทักษะด้านสังคมและทักษะข้ามวัฒนธรรม - การเป็นผู้สร้างหรือผลิตและความรับผิดชอบเชื่อถือได้
- ภาวะผู้นำและความรับผิดชอบ
3.2 ทักษะการเรียนรู้และนวัตกรรม
- ความคิดริเริ่มสร้างสรรค์และนวัตกรรม - การคิดอย่างมีวิจารณญาณและการแก้ปัญหา
- การสื่อสารและความร่วมมือ
3.3 ทักษะด้านสารสนเทศ สื่อ และเทคโนโลยี
- ใช้และประเมินสารสนเทศได้อย่างเท่าทัน - วิเคราะห์และเลือกใช้สื่อได้อย่างเหมาะสม
- ใช้เทคโนโลยีใหม่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
3.1 ทักษะชีวิต และการทำงาน
- ความยืดหยุ่นและการปรับตัว - การริเริ่มสร้างสรรค์และเป็นตัวของตัวเอง
- ทักษะด้านสังคมและทักษะข้ามวัฒนธรรม - การเป็นผู้สร้างหรือผลิตและความรับผิดชอบเชื่อถือได้
- ภาวะผู้นำและความรับผิดชอบ
3.2 ทักษะการเรียนรู้และนวัตกรรม
- ความคิดริเริ่มสร้างสรรค์และนวัตกรรม - การคิดอย่างมีวิจารณญาณและการแก้ปัญหา
- การสื่อสารและความร่วมมือ
3.3 ทักษะด้านสารสนเทศ สื่อ และเทคโนโลยี
- ใช้และประเมินสารสนเทศได้อย่างเท่าทัน - วิเคราะห์และเลือกใช้สื่อได้อย่างเหมาะสม
- ใช้เทคโนโลยีใหม่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
4.
โครงสร้างพื้นฐาน 4 ด้านเพื่อสนับสนุนการเรียนรู้
- มาตรฐานและการประเมินในศตวรรษที่ 21 - หลักสูตรและการเรียนการสอนในศตวรรษที่ 21
- การพัฒนาครูในศตวรรษที่ 21 - สภาพแวดล้อมที่เหมาะสมต่อการเรียนรู้
- มาตรฐานและการประเมินในศตวรรษที่ 21 - หลักสูตรและการเรียนการสอนในศตวรรษที่ 21
- การพัฒนาครูในศตวรรษที่ 21 - สภาพแวดล้อมที่เหมาะสมต่อการเรียนรู้
5.
เปลี่ยนเป้าหมายจาก “ความรู้” สู่ “ทักษะ”
เปลี่ยนจากครูเป็นหลัก เป็นนักเรียนเป็นหลัก เรียนโดยการปฏิบัติที่เรียกว่า PBL
: Problem Based Learning โดยครูเป็นเพียงโค้ช
(Coach) หรือครูฝึก ที่คอยช่วยเหลือ
6.
เด็กจะได้ฝึกทักษะต่าง ๆ
- การตีโจทย์ - ค้นคว้าหาข้อมูล - ตรวจสอบและประเมินข้อมูล
- เลือกสิ่งที่เหมาะสมมาใช้ - ได้ฝึกปฏิบัติจริง - เพิ่มทักษะในการศึกษา
- การนำเสนออย่างสร้างสรรค์ - ฝึกการทำงานเป็นทีม - แลกเปลี่ยนความรู้ร่วมกัน
- ต่อยอดไปสร้างเป็นองค์ความรู้ของตนเองต่อไป
- การตีโจทย์ - ค้นคว้าหาข้อมูล - ตรวจสอบและประเมินข้อมูล
- เลือกสิ่งที่เหมาะสมมาใช้ - ได้ฝึกปฏิบัติจริง - เพิ่มทักษะในการศึกษา
- การนำเสนออย่างสร้างสรรค์ - ฝึกการทำงานเป็นทีม - แลกเปลี่ยนความรู้ร่วมกัน
- ต่อยอดไปสร้างเป็นองค์ความรู้ของตนเองต่อไป
7.
ครูต้องมีทักษะที่สำคัญ คือ สร้างแรงบันดาลใจ ทำให้เด็กมีพลัง มีไฟ
ก็จะมีชีวิตชีวาในการเรียน
8.
การเรียนรู้แบบ PBL ไม่มีกรอบ
มีเสรีภาพทางปัญญา เพราะเราไม่สนใจคำตอบ สนใจกระบวนการหาคำตอบ โจทย์ข้อหนึ่งมีวิธีตอบเยอะแยะ เราสนใจการทำงานของกลุ่มและการเรียนรู้จากการทำกระบวนการเรียนรู้ การวัดมิใช่เพื่อประเมินได้ผล แต่เป็นการวัดเพื่อประเมินความก้าวหน้า เด็กทุกคนมีศักยภาพที่จะพัฒนาตนเองไปเรื่อย
ๆ
9.
การบ้านมีเพื่อให้เด็กมีความรู้ การบ้านสมัยใหม่ เช่น
ปลายปีแสดงละครเช็คสเปียร์ แก้ปัญหาเด็กสมาธิสั้น เพราะมุ่งมั่นกับสิ่งที่เป็นระยะยาว
และทำงานร่วมกันเป็นทีม เป็นการเรียนรู้ที่ครูไม่ได้สอนด้วยวิธีการบอกให้ท่องจำแบบเดิม
10.
สมัยใหม่ความรู้มหาศาลจนไม่รู้จะสอนอะไรให้เด็ก จึงไม่แปลกที่ครูสักคนหนึ่งจะไม่รู้
จึงต้องมีเครื่องมือช่วยครู คือ PLC = Professional Learning Committee การรวมตัวของครูที่จะเรียนรู้ “เรียนรู้การทำหน้าที่ครูยุคใหม่”
สิ่งที่สำคัญ คือ ร่วมกันทำ ดีกว่าทำคนเดียว เป็น “ชุมชนการเรียนรู้ครู”
- ช่วยกันออกแบบการเรียนรู้ของเด็ก
- ช่วยพัฒนาเพื่อให้เด็กมีทักษะที่จำเป็นสำหรับศตวรรษที่ 21
- ช่วยกันออกแบบการเรียนรู้ของเด็ก
- ช่วยพัฒนาเพื่อให้เด็กมีทักษะที่จำเป็นสำหรับศตวรรษที่ 21
11.
แนวคิดการศึกษาต้องเปลี่ยนจากที่เราคุ้นเคย เปลี่ยนแบบหน้ามือเป็นหลังมือ
เยอะมาก ถ้าเรียนแบบปัจจุบันส่งผลต่อสังคมอย่างไร
- วัยรุ่นจะเสียคน ไม่สนุก น่าเบื่อ - ทั้งชาติยุ่ง เพราะเรียนเพื่อได้ความรู้อย่างเดียว ไม่ได้ทักษะ
ไม่มีวิจารณญาณ ไม่ได้ critical thinking ถ้าทำได้สังคมเราก็จะยกระดับขึ้น
- วัยรุ่นจะเสียคน ไม่สนุก น่าเบื่อ - ทั้งชาติยุ่ง เพราะเรียนเพื่อได้ความรู้อย่างเดียว ไม่ได้ทักษะ
ไม่มีวิจารณญาณ ไม่ได้ critical thinking ถ้าทำได้สังคมเราก็จะยกระดับขึ้น
4. รู้จัก Baby Boomer + Generation X +
Generation Y
ในปัจจุบันนี้ใครที่มีอายุมากกว่า
50 ปีขึ้นไปจะถือว่าอยู่ในยุค Baby Boomer ถึงแม้ว่าจะปลาย ๆ ไปแล้วแต่ก็ยังถือว่าเป็นบุคลากรในยุคนั้น
ถัดลงมาก็เป็น Generation X และเด็กวัยทำงานที่กำลังร้อนแรงในปัจจุบันนี้ก็เป็น
Generation Y หรือเรียกกันสั้น ๆ ว่า Gen X, Gen Y กัน
ทีนี้มาดูแต่ละรุ่นว่าเป็นอย่างไรบ้าง
เอาสั้น ๆ ง่าย ๆ ก็แล้วกัน
Baby Boomer
Baby Boomer
เป็นกลุ่มประชากรที่อยู่ในยุครุ่นแรก
ๆ หลังจากปฏิวัติทางเศรษฐกิจและสังคม
ถ้าเทียบเคียงให้ง่ายคือหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 มาจนถึงยุคทศวรรษที่
60 คนกลุ่มนี้ปัจจุบันหลาย ๆ คนก็อยู่ในยุคผู้บริหารระดับสูง
หรือพนักงานอาวุโสใกล้เกษียณ ซึ่งก็มีแนวคิดการทำงานที่เด่นชัดในด้านความจงรักภักดีต่อองค์กรเป็นอย่างมาก
เน้นความประหยัด การทำงานเน้นประสบการณ์เก่า ๆ ปัจจุบันยังเห็นอยู่มาก
และข้อเสียในกลุ่มนี้คือ ยึดติดกับความสำเร็จเร็จเก่า ๆ (กับดักแห่งความสำเร็จ)
Generation X
เป็นกลุ่มคนหลังยุค
60 ถึง ยุคปี 2000 เฟื่องฟูมากในยุค
80-90 รุ่นนี้จะได้รับอิทธิพลในด้านการดำเนินชีวิตและการทำงานจากรุ่น
Baby Boomer คือมีการวางแผนรัดกุม ภักดีต่อองค์กร
แต่ก็ได้รับอิทธิพลสมัยใหม่ที่สนใจในเรื่องความก้าวหน้า ชื่อเสียงมากกว่าเงินทอง
การทำงานจะเป็นคนที่หนักเอาเบาสู้แต่ไม่มากเท่า Baby Boomer เริ่มสนใจเทคโนโลยีตามยุคสมัย
เน้นที่ตัวตนมากขึ้น
Generation Y
เป็นเด็กที่เกิดยุคหลังทศวรรษที่คาบเกี่ยวมาตั้งแต่
90 ถึงปี 2000 พวกนี้คือคนรุ่นใหม่ในปัจจุบันที่หลายคนในยุคก่อนหน้าเรียกว่า
พวกเหยียบขี้ไก่ไม่ฝ่อ หนักไม่เอา เบาไม่สู้ แต่อยากได้ผลตอบแทนที่สูง
อยากได้ความก้าวหน้าทางอาชีพ อยากได้รับการยอมรับเหนือคนอื่น
เด็กรุ่นนี้มีข้อดีคือ เก่งทางด้านเทคโนโลยี ติดสังคมและความโก้หรู
คนในแต่ละยุคสมัยไม่สามารถบอกได้ว่ายุคสมัยไหนจะดีกว่า
เพราะกาลเวลาเปลี่ยน คนเปลี่ยน สถานการณ์เปลี่ยน ย่อมส่งผลให้วิถีคิด วิธีการกระทำเปลี่ยนไปด้วย
การพัฒนาบุคลากรจำต้องปรับเปลี่ยนตามความเหมาะสม
หากเราสามารถนำเอาจุดเด่นของคนแต่ละยุคมาใช้ให้เกิดประโยชน์แล้วจะมีคุณค่าต่อองค์กรเป็นอย่างมาก
แต่ลองคิดกลับกันหากองค์กรไหนมีคนครบทั้ง 3 ยุคแต่แต่ละคนมีแต่ข้อเสียในยุคนั้นมากกว่าข้อดีละก็ถือว่าเป็นคราวซวยขององค์กรนั้นไป...
คืนข้อมูลวันที่ 21-22 มิถุนายน 2556
……………………………………..
รายวิชา ลส.701 กระบวนทัศน์ใหม่ในการพัฒนาหลักสูตร อาจารย์ผู้สอน รศ.ดร.วิชัย วงษ์ใหญ่ และ อ.ดร.มารุต พัฒผล
รายวิชา ลส.701 กระบวนทัศน์ใหม่ในการพัฒนาหลักสูตร อาจารย์ผู้สอน รศ.ดร.วิชัย วงษ์ใหญ่ และ อ.ดร.มารุต พัฒผล
วันที่ 17 เดือน มิถุนายน พ.ศ. 2556 เวลา 09.00 น. – 12.00 น. สถานที่ บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ
……………………………………..
ใบงาน เรื่อง Keywords
คำชี้แจง
ให้ค้นหา คำสำคัญ (Keywords) สำหรับการเรียนรู้รายวิชา ลส. 701
กระบวนทัศน์ใหม่ในการพัฒนาหลักสูตร
คำที่
|
คำสำคัญ
(Keywords)
/ สาระสำคัญ (Concept)
/ แหล่งค้นคืนข้อมูล / วันเดือนปี
|
19
|
การประเมินหลักสูตร หมายถึง
การศึกษารวบรวมข้อมูลของหลักสูตรทั้งหมดเกี่ยวกับกระบวนการจัดทำ
การดำเนินการใช้และผลของการใช้หลักสูตร
ตลอดจนการตัดสินคุณค่าและคุณภาพของหลักสูตร แล้วนำมาวิเคราะห์เทียบกับเกณฑ์ เพื่อนำไปสู่การตัดสินใจ ให้คุณค่าแก่หลักสูตรว่าหลักสูตรมีข้อดี
จุดอ่อนในเรื่องใด
รวมทั้งผลการใช้หลักสูตรและตัดสินว่าหลักสูตรมีคุณค่าตามเป้าหมายที่กำหนดไว้หรือไม่
การประเมินหลักสูตรแบ่งออกเป็น
3 ระยะ คือ
1.
การประเมินก่อนการนำหลักสูตรไปใช้
2.การประเมินระหว่างการดำเนินการใช้หลักสูตร
3.
การประเมินหลังจากการใช้หลักสูตร
|
แหล่งค้นคืนข้อมูล
/ วันเดือนปี : รศ.ดร.
วารีรัตน์ แก้วอุไร ภาควิชาการศึกษา คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร http://www.gotoknow.org/posts/65984 ,
|
|
20
|
การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ (Human Resource Development) คือ
กระบวนการเรียนรู้ที่มีลักษณะต่อเนื่องไปตลอดชีวิตของคนในองค์กร
ซึ่งเกิดทั้งภายในและภายนอกห้องเรียน
และคำนึงถึงความสามารถในการนำความรู้ที่ได้รับไปปฏิบัติงานที่ได้รับงานมอบหมายอย่างมีประสิทธิภาพเพื่อให้งานโดยรวมของหน่วยงานประสบความสำเร็จ
ซึ่งจะหมายถึง การฝึกอบรม รวมไปถึง การพัฒนาสายอาชีพ
และการประเมินประสิทธิภาพงาน
การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ (Human Resource
Development) หมายถึง
การพัฒนาความรู้
ความเข้าใจ ทัศนคติและทักษะการทำงานของบุคลากรในตำแหน่งใดตำแหน่งหนึ่งในองค์กรให้สามารถทำงานบรรลุผลงานตรงตามมาตรฐานผลงานหรือความคาดหวังที่องค์กรมีต่อตำแหน่งงานนั้นๆ
หรือ ความหมาย ในวงกว้างหมายถึงการพัฒนาสมรรถนะ(COMPETENCY)ของบุคลากร ให้ทำงานได้ตามมาตรฐานผลงานของตำแหน่งงานนั้นๆ
|
21
|
การพัฒนาที่ยั่งยืน (Sustainable
Development) หมายถึง กระบวนการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างของสังคมและสถาบันต่างๆ ทางสังคมเช่น
สถาบันทางเศรษฐกิจการศึกษาและการเมือง ในหลายมิติรวมไปถึงกระบวรการเปลี่ยนแปลงทางค่านิยม
ทัศนคติ หรือระบบคุณค่าอันเป็นการเปลี่ยนแปลงจากเชิงปริมาณไปสู่คุณภาพให้ดียิ่งขึ้น สำหรับประเทศไทยแล้วการพัฒนาที่ยั่งยืนหมายถึง การพัฒนาที่มีลักษณะบูรณาการหรือผสมผสาน
เป็นองค์รวมและมีดุลยภาพหรือการพัฒนาที่มีกิจกรรมที่สอดคล้องกับธรรมชาติ
|
แหล่งค้นคืนข้อมูล
/ วันเดือนปี : http://nicha-cd.blogspot.com/2012/01/sustainable-development.html 22/06/2556
|
|
22
|
การพัฒนาหลักสูตรแบบครบวงจร (Integrated Curriculum Development) หมายถึง ระบบการร่างหลักสูตร
ระบบการนำหลักสูตรไปใช้ และระบบการประเมินหลักสูตร
ทั้งสามระบบนี้จะสัมพันธ์ต่อเนื่องกัน
เพื่อให้เกิดภาพรวมที่เป็นเอกภาพของกระบวนการพัฒนาหลักสูตร
|
แหล่งค้นคืนข้อมูล
/ วันเดือนปี : http://www.bing.com/search?q จาก รายงานการวิจัย เรื่อง
การสังเคราะห์งานวิจัยทางด้านหลักสูตรโดย อาจารย์ ดร.มาเรียม
นิลพันธุ์ คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยศิลปากร พ.ศ.
2543
|
|
23
|
การเพิ่มอำนาจ
(Empowerment) หมายถึงการเพิ่มอำนาจ
หรือการทำให้ประชาชนซึ่งครั้งหนึ่งเป็นผู้ไร้โอกาส
หรือไร้การต่อรองให้มีความเข้มแข็งมากขึ้น จนถึงขั้นที่จะปกครองตนเองได้
|
24
|
การมีส่วนร่วมของภาคีเครือข่าย หมายถึง
การมีส่วนร่วมของกลุ่มบุคคล องค์กรที่มีเป้าหมายร่วมกัน
มารวมตัวกันด้วยความสมัครใจ เพื่อทำกิจกรรมให้บรรลุเป้าหมาย (ร่วมคิด / วางแผน
ร่วมทำ ร่วมประเมินผล) โดยมีความสัมพันธ์แนวราบ มีความเสมอภาค
และเรียนรู้ร่วมกันอย่างต่อเนื่อง
|
25
|
การวัดและประเมินผล
การวัดผล (Measurement) หมายถึง
กระบวนการหาปริมาณ หรือจำนวนของสิ่งต่าง ๆ โดยใช้เครื่องมืออย่างใดอย่างหนึ่ง
ผลจากการวัดจะออกมาเป็นตัวเลข หรือสัญลักษณ์ เช่น นายแดงสูง 180 ซม. (เครื่องมือ คือ ที่วัดส่วนสูง)
วัตถุชิ้นนี้หนัก 2 ก.ก (เครื่องมือ คือ เครื่องชั่ง) การทดสอบการศึกษา หมายถึง กระบวนการวัดผลอย่างหนึ่งที่กระทำอย่างมีระบบเพื่อใช้ในการเปรียบเทียบ ความสามารถของบุคคล โดยใช้ข้อสอบหรือคำถามไปกระตุ้นให้สมองแสดงพฤติกรรมอย่างใดอย่างหนึ่งออกมา การประเมินผล (Evaluation) หมายถึง การตัดสิน หรือวินิจฉัยสิ่งต่าง ๆ ที่ได้จากการวัดผลเช่น ผลจากการวัดความสูงของนายแดงได้ 180 ซม. ก็อาจประเมินว่าเป็นคนที่สูงมาก ผลจากการชั่งน้ำหนักของวัตถุชิ้นหนึ่งได้ 2 ก.ก ก็อาจจะประเมินว่าหนัก - เบา หรือ เอา- ไม่เอา บลูม (Bloom) และคณะ ได้แบ่งพฤติกรรมที่จะวัดออกเป็น 3 ลักษณะ วัดพฤติกรรมด้านพุทธิพิสัย ได้แก่ การวัดเกี่ยวกับ ความรู้ ความคิด (วัดด้านสมอง) วัดพฤติกรรมด้านจิตพิสัย ได้แก่ การวัดเกี่ยวกับความรู้สึกนึกคิด (วัดด้านจิตใจ) วัดพฤติกรรมด้านทักษะพิสัย ได้แก่ การวัดเกี่ยวกับการใช้กล้ามเนื้อ และประสาทสัมผัสส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย (วัดด้านการปฏิบัติ) |
26
|
การวางแผนงานวิชาการ หมายถึง
การดำเนินการเกี่ยวกับการรวบรวม และจัดระเบียบ และแนวปฏิบัติเกี่ยวกับงานวิชาการ
การทำแผนงานวิชาการ การวางแผนงานวิชาการในสถานศึกษา
จึงเป็นสิ่งจำเป็นที่ต้องปฏิบัติ
เพื่อให้ได้บรรลุจุดมุ่งหมายอย่างมีประสิทธิภาพ และ
ประสิทธิผลให้ได้มากที่สุด มิลเลอร์ (Miller,
1965, p, 175) กล่าวถึง
งานวิชาการว่าประกอบด้วยสิ่งสำคัญ 4 ประการคือ การจัดโปรแกรมการเรียน
การปฏิบัติตามโปรแกรม การติดตามการเรียนการสอนและการจัดบริการการสอน
|
27
|
การวิจัยในชั้นเรียน
คือ กระบวนการแสวงหาความรู้อันเป็นความจริงที่เชื่อถือได้ในเนื้อหาเกี่ยวกับการพัฒนา การจัดการเรียนการสอน
เพื่อการพัฒนาการเรียนรู้ของนักเรียนในบริบทของชั้นเรียน มีเป้าหมายสำคัญอยู่ที่การพัฒนางานการจัดการเรียนการสอนของครู
ลักษณะของการวิจัยเป็นการวิจัยเชิงปฏิบัติการ (Action Research) คือ เป็นการวิจัยควบคู่ไปกับการปฏิบัติงานจริง โดยมีครูเป็นทั้งผู้ผลิตงานวิจัย และผู้บริโภคผลการวิจัย
ครูนักวิจัยจะตั้งคำถามที่มีความหมายในการพัฒนาการจัดการเรียนการสอน
แล้วจะวางแผนการปฏิบัติงาน และการวิจัย หลักจากนั้นครูจะดำเนินการการจัดการเรียนการสอนไปพร้อมๆ
กับทำการจัดเก็บข้อมูลตามระบบข้อมูลที่ได้วางแผนการวิจัยไว้
นำข้อมูลที่ได้มาวิเคราะห์สรุปผลการวิจัย นำผลการวิจัยไปใช้ในการพัฒนาการจัดการเรียนการสอนแล้วจะพัฒนาข้อความรู้ที่ได้นั้นต่อไปให้มีความถูกต้องเป็นสากลและเป็นประโยชน์มากยิ่งขึ้นต่อการพัฒนาการเรียนการสอนเพื่อการพัฒนานักเรียนของครูให้มีคุณภาพยิ่งๆ
ขึ้นไป
|
28
|
การวิจัยสถาบัน (Institutional
Research , Administrative Research , Operational Research) หมายถึง
การศึกษาและวิเคราะห์เกี่ยวกับการดำเนินงาน สภาพแวดล้อม
และกระบวนการของสถาบันอุดมศึกษา
เพื่อประโยชน์ในการจัดหาข้อมูลสำหรับสนับสนุนการวางแผน
การกำหนดนโยบาย และการตัดสินใจเรื่องต่างๆ ซึ่งสถาบันอุดมศึกษาสามารถใช้หลักการวิจัย (กระบวนการวิจัย) ได้แก่
ระบบการจัดการสารสนเทศ (Management Information
System:MIS ) และการวิเคราะห์เชิงเปรียบเทียบ(Comparative
Analysis)
ซัวเป (Saupe, Joe L. 1981
:1) กล่าวว่า การวิจัยสถาบันคือ
การวิจัยที่จัดทำในถาบันอุดมศึกษา เพื่อประโยชน์ในการจัดหาข้อมูลสนับสนุนการวางแผน
การกำหนดนโยบายและการตัดสินใจในสถาบัน
วิจิตร ศรีสะอ้าน กล่าวถึง การวิจัยสถาบัน
หมายถึง การศึกษาเกี่ยวกับสถาบันของตนเอง
โดยอาศัยกระบวนการวิจัยและการสร้างองค์ความรู้ใหม่ จึงเป็นเครื่องมือหนึ่งที่มีบทบาทสำคัญในการปฏิรูปอุดมศึกษาไทย
|
แหล่งค้นคืนข้อมูล
/ วันเดือนปี : http://ireo.bu.ac.th/1html_81.html , http://www.gotoknow.org/posts/341707
|
|
29
|
การวิจัยหลักสูตร
|
แหล่งค้นคืนข้อมูล
/ วันเดือนปี :
|
|
30
|
การศึกษาทั่วไป
(General
education) หมายถึง วิชาการศึกษาที่นิสิต/นักศึกษาทุกคนต้องเรียนเพื่อให้มีความรู้อย่างกว้างขวาง
และรู้รอบในสิ่งที่จำเป็นเพื่อพัฒนาและเสริมสร้างคุณลักษณะความเป็นมนุษย์และเป็นพลเมืองดีให้แก่บัณฑิต ให้ดำเนินชีวิตได้อย่างมีความสุข ซึ่งเป็นคุณลักษณะที่พึงต้องมีในยุคนี้และอนาคตในการที่จะปรับตัวให้เข้ากับสภาพการเปลี่ยนแปลงและการแข่งขันอย่างรุนแรงในสังคมและให้ดำรงชีวิตได้อย่างมีความสุข
หมวดวิชาการศึกษาทั่วไปแบ่งออกเป็น 4 กลุ่มวิชา คือ
1.1 กลุ่มวิชาภาษาและการสื่อสาร 1.2 กลุ่มวิชามนุษยศาสตร์ 1.3 กลุ่มวิชาสังคมศาสตร์ 1.4 กลุ่มวิชาคณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี |
31
|
การศึกษาทางเลือก
(Alternative Education) หมายถึง การจัดการศึกษาเพื่อตอบสนองตอบต่อความต้องการของผู้เรียนที่ไม่ประสงค์จะเรียนในระบบการศึกษาตามปกติ
ซึ่งมีเหตุผลมาจากพื้นฐานของบุคคลตามปรัชญาความเชื่อทางการศึกษาและการเรียนรู้ หรือตามปรัชญาความเชื่อทางการเมือง
ปรัชญาความเชื่อทางศาสนาและความศรัทธา หรือ เป็นการสนองความต้องการส่วนบุคคลเป็นการเฉพาะมิใช่การศึกษาที่จัดให้กับบุคคลทั่วไป
หรือแม้กระทั่งการสนองตอบของบุคคลที่จะปฏิเสธระบบความสัมพันธ์ระหว่างผู้สอนและผู้เรียนในการศึกษาระบบปกติ
จาก
ความหมายดังกล่าวข้างต้น
ตัวอย่างการจัดการศึกษาทางเลือกในปัจจุบันสามารถเห็นได้จากรูปแบบของโรงเรียนวิถีธรรม
โรงเรียนวิถีธรรมชาติ การสอนแบบ Home-based learning
หรือ Home-school เป็นต้น ซึ่งมีจุดเน้นที่ความสัมพันธ์ระหว่างผู้สอน ผู้เรียน เนื้อหาหลักสูตร
การจัดบรรยากาศให้เข้ากับวิถีของชุมชน และความเชื่อเป็นหลัก
|
32
|
การสังเกต หมายถึงการเฝ้าดูและจดบันทึกสิ่งที่เกิดขึ้น
ตัวอย่างเช่น การสังเกตท่วงท่าการบินของนกโดยเฝ้าดูอย่างใกล้ชิด ( http://th.wikipedia.org/wiki/: 22/06/2556)
การสังเกต หมายถึง ความสามารถในการใช้ประสาทสัมผัส
อันได้แก่ ตา หู จมูก ลิ้น และผิวกาย อย่างใดอย่างหนึ่งหรือหลายอย่างรวมกัน
เข้าไปสัมผัสโดยตรงกับวัตถุ เหตุการณ์ หรือปรากฏการณ์
รวมทั้งการใช้เครื่องมือเข้าช่วยประสาทสัมผัสเพื่อให้ได้ข้อมูลจากสิ่งที่สังเกตได้มากที่สุด โดยไม่ใส่ความคิดเห็นส่วนตัวลงไปในการสังเกต
ประโยชน์ของการสังเกต 1) ช่วยให้เก็บรวมรวมข้อมูลต่าง
ๆ 2) ช่วยให้เป็นคนมีความละเอียดรอบคอบ
3) ช่วยฝึกให้เป็นคนรู้จักรวบ รวมข่าวสารใหม่ ๆ 4) ช่วยให้เป็นคนมีความอยากรู้อยากเห็น |
33
|
การออกแบบระบบการสอน (ISD
: Instructional System Design หรือ ID :
Instructional Design) หมายถึง การจัดระบบการสอนอย่างมีระบบ
โดยอาศัยความรู้เกี่ยวกับกระบวนการเรียนรู้ซึ่งรวบรวมองค์ประกอบและปัจจัยต่าง ๆ
เพื่อนำไปสู่กระบวนการตัดสินใจออกแบบระบบ
แล้วจึงทำการทดลองและปรับปรุงแก้ไขจนใช้ได้ผล
เป็นการนำไปสู่ความสำเร็จของการเรียนรู้ตามวัตถุประสงค์ที่กำหนดไว้
กระบวนการออกแบบระบบการสอน จะประกอบไปด้วยหลักพื้นฐาน 4 ส่วน ดังนี้
1. วัตถุประสงค์
เป็นส่วนที่กำหนดวัตถุประสงค์การเรียนรู้ของผู้เรียน
2. ผู้เรียน
โดยพิจารณาคุณสมบัติของผู้เรียน เพื่อการออกแบบระบบการสอนให้เหมาะสม
3. วิธีการและกิจกรรม
กำหนดวิธีการและกำหนดกิจกรรมในกระบวนการเรียนรู้
เพื่อให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้ตามวัตถุประสงค์อย่างมีประสิทธิภาพ
4. การวัดและประเมินผล
เป็นการกำหนดวิธีการวัดและประเมินผลการเรียนรู้ของผู้เรียนให้สอดคล้องตามวัตถุประสงค์
|
34
|
กิจกรรม (activity) หมายถึง การกระทำหรือสิ่งที่ทำ
การปฏิบัติงานอันเกี่ยวเนื่องกับการศึกษา
การที่ผู้เรียนปฏิบัติการอย่างใดอย่างหนึ่งเพื่อการเรียนรู้ เช่น กิจกรรมเสริมหลักสูตร, กิจกรรมในชีวิตประจำวัน, กิจกรรมสันทนาการ, กิจกรรมเพื่อส่วนรวม
|
แหล่งค้นคืนข้อมูล
/ วันเดือนปี : บทวิทยุรายการ "รู้ รัก ภาษาไทย"
ออกอากาศทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย เมื่อวันที่ ๒๒ เมษายน พ.ศ. ๒๕๕๐ http://www.royin.go.th/th/knowledge/detail.php?
|
|
35
|
กิจกรรมแนะแนว การแนะแนว
หมายถึง กระบวนการหนึ่งซึ่งจะช่วยให้นักเรียนรู้จักและเข้าใจตนเอง รู้จักสภาพแวดล้อม สามารถเลือกตัดสินใจได้อย่างถูกต้อง
เหมาะสม และสามารถปรับตัวเข้ากับสภาพแวดล้อมและสถานการณ์ต่าง
ๆ ได้ ( กรุณา
ไวยบท http://www.gotoknow.org/posts/252150 ) การแนะแนวช่วยให้บุคคลรู้จักตัวเอง รู้จักโลกรอบตัว ด้วยกลวิธีและเครื่องมือต่าง ๆ เพื่อให้สามารถตัดสินใจด้วยตนเองอย่างเหมาะสมและอยู่ในสังคมอย่างมีความสุข
แผนการจัดกิจกรรมแนะแนว หมายถึง แนวทางการดำเนินกิจกรรมแนะแนวที่มีขอบข่ายครอบคลุม การแนะแนวด้านอาชีพ ด้านการศึกษา ด้านส่วนตัวและสังคม หรือนอกเหนือจากนี้ตามความต้องการของผู้จัดทำเพื่อให้การจัดกิจกรรมมีทิศทางตามที่กำหนดไว้ ให้ผู้เรียนได้เรียนรู้ตามขั้นตอนกระบวนการอย่างมีประสิทธิภาพ
การแนะแนวดีจึงควรให้ครอบคลุม
5 บริการ เพื่อประโยชน์ต่อตัวบุคคลคือ
ผู้เรียน เพื่อประโยชน์ต่อองค์กรทางการศึกษา
คือ มีฐานข้อมูลในการพัฒนาการศึกษาและช่วยเหลือผู้เรียนอย่างเป็นระบบ มีประสิทธิภาพ การมีข้อมูลของผู้เรียนมากยิ่งเป็นประโยชน์ สามารถนำข้อมูลต่างๆ มาช่วยเหลือและพัฒนาการศึกษา พัฒนาคุณภาพชีวิตของผู้เรียน (http://faiicbs.blogspot.com/)
|
36
|
กิจกรรมพัฒนาผู้เรียน หมายถึงกิจกรรมที่จัดอย่างมีรูปแบบด้วยวิธีการที่หลากหลาย
เพื่อให้ผู้เรียนได้รับประสบการณ์จากการปฏิบัติจริง
เพื่อพัฒนาผู้เรียนทั้งทางด้านร่างกาย จิตใจ สติปัญญา อารมณ์และสังคม และสามารถดํ ารงชีวิตได้อย่างมีความสุข
เป้าหมายของกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน
1
ผู้เรียนได้รับประสบการณ์หลากหลาย
เกิดความรู้ ( knowledge ) ความรู้ชํ านาญทั้งวิชาการ ( Academic
) และวิชาชีพ ( Professional )
2
ผู้เรียนค้นพบความสนใจ ( Interest
)และความถนัดของตนเอง ( aptitude )เห็นช่องการในการสร้างงานอาชีพในอนาคต
3
ผู้เรียนเห็นคุณค่าของความรู้
สามารถนํ าเอาประสบการณ์ ( Experience ) เพื่อการพัฒนาตนเองและการประกอบอาชีพ
4
ผู้เรียนพัฒนาบุคลิก
เจตคติ ค่านิยมในการดํ าเนินชีวิต เสริมสร้างศีลธรรมและจริยธรรม
5
ผู้เรียนมีระเบียบวินัย
มีความรับผิดชอบ ทํ าประโยชน์เพื่อสังคมและประเทศชาติ
|
แหล่งค้นคืนข้อมูล
/ วันเดือนปี : ขจิต
ฝอยทอง * กาญดา ทองอินทร์ ** http://www.gotoknow.org/posts/16430
|
คำสำคัญ
(Keywords)
คำที่
|
คำสำคัญ
(Keywords)
|
175
|
Non-directive
learning รูปแบบการสอน
(Model of Teaching) โดยใช้ผู้เรียนเป็นศูนย์กลางที่เรียกว่า
Nondirective Teaching เป็นรูปแบบรายบุคคล (Personal
Model) ซึ่งมีความสำคัญอยู่ที่
-
ครูและผู้เรียนต้องมีส่วนร่วมรับผิดชอบในการเรียนการสอน
การเรียนการสอนไม่สามารถจะกำหนดให้เป็นรูปแบบตายตัวได้
มีเพียงส่วนน้อยที่ควบคุมได้ แต่ส่วนใหญ่แล้ว เหตุการณ์และกิจกรรมจะแปรผันไปตามสภาพการณ์ในแต่ละครั้งแล้ว
แต่ว่าผู้เรียนหรือกลุ่มจะนำไป
- กิจกรรมการเรียนการสอนไม่สามารถกำหนดไว้ก่อนล่วงหน้าให้แน่ชัดลงไปได้ แตกต่างจากวิธีสอนส่วนใหญ่ที่กิจกรรมได้ถูกกำหนดไว้แน่ชัด และมีลำดับ ขั้นตอน ที่เป็นเช่นนี้เป็นผลมาจากการนำเสนอ และการวิเคราะห์เรื่องราวที่เรียกนั้นให้ความสำคัญกับผู้เรียนในรูปแบบการ สอนที่เน้นผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง บทบาทของครูจะต้องลดน้อยลง ลำดับขั้นของกิจกรรมที่กำหนดไว้ก็ลดลง บทบาทของมีข้อจำกัดบางประการในการเป็นผู้อำนวยความสะดวก ควรเน้นหนักที่เป็นผู้แนะนำเท่าที่ผู้เรียนมีความต้องการ และไม่อาจที่จะกำหนดให้หรือคาดไว้ล่วงหน้าได้ ดังนั้น เพื่อให้รูปแบบการเรียนการสอนบรรลุผล ผู้สอนจะต้องเรียนรู้และเพิ่มประสบการณ์ที่มีความไวในการรับรู้จากบุคคลอื่น ซึ่งสิ่งเหล่านี้เป็นทักษะที่จะต้องฝึกฝนเพิ่มเติม รวมทั้งประสบการณ์ในรูปแบบการสอนอย่างเดียวกันนี้ ที่ผ่านมาในอดีต Nondirective Teaching Model สามารถนำไปใช้ได้กับปัญหาระดับต่าง ๆ ทั้งระดับบุคคล สังคม และวิชาการ ในระดับส่วนบุคคลนั้น ผู้เรียนจะสำรวจความรู้สึกเกี่ยวกับตนเอง ในปัญหาสังคมผู้เรียนจะสำรวจความรู้สึกที่มีความสัมพันธ์กับคนอื่น ๆ และความสัมพันธ์ระหว่างความรู้สึกที่มีต่อตนเองกับความรู้สึกที่มีต่อคนอื่น ในปัญหาด้านวิชาการ ผู้เรียนจะสำรวจความรู้สึกของตนเอง เกี่ยวกับความสามารถและความสนใจ ทั้งสามกรณีดังกล่าวนี้ เนื้อหามักจะเป็นเรื่องส่วนตัวมากกว่า เรื่องอื่น ๆ ปกติจุดเน้นจะอยู่ที่ความรู้สึกของแต่ละบุคคล ประสบการณ์ การหยั่งเห็น และวิธีการแก้ปัญหา การใช้วิธีสอนนี้อย่างมีประสิทธิภาพ ครูจะต้องยอมรับว่านักเรียนสามารถที่จะเข้าใจและสามารถแก้ปัญหาของตนเองได้ ครูจะต้องเชื่อว่าผู้เรียนมีศักยภาพในตัวเอง และครูจะต้องเชื่อว่าผู้เรียนมีศักยภาพในตัวเอง และครูจะต้องแสดงออกทางคำพูดด้วย ครูจะต้องไม่ตัดสินให้ผู้เรียนว่าอะไรดีอะไรเลว ครูจะต้องไม่วิเคราะห์ปัญหาเฉพาะในสายตาของครูเท่านั้น ครูจะต้องพยายามมองโลกของผู้เรียนในสายตาของผู้เรียนที่ผู้เรียนจะมองด้วย วิธีการต่าง ๆ นี้ อาจกล่าวได้ว่าครูจะต้องปรับตัวเองให้รับคนอื่น (ผู้เรียน) ได้ในบทบาทของครูที่จะเป็นตัวแทน (alter-ege) ของผู้เรียนครูจะต้องพัฒนา frame of reference ซึ่งยากที่จะทำ แต่เป็นสิ่งที่จำเป็นต้องทำ หากครูมีความต้องการที่จะเข้าใจผู้เรียนเช่นเดี่ยวกับที่ผู้เรียนเข้าใจ ในการยอมรับจำเป็นต้องสร้าง frame of reference คือความสามารถที่มองอย่างที่ผู้เรียนมอง |
176
|
On
task พจนานุกรมแปล
อังกฤษ-ไทย NECTEC's
Lexitron Dictionary
ความหมายที่
2
[vt.] ใช้ความพยายามในการทำงานอย่างหนัก
ทำให้ทำงานหนักเกินไป, ใช้สมองหนัก, ทำให้เหน็ดเหนื่อย
คำศัพท์คอมพิวเตอร์ Task ภารกิจ ความหมาย หมายถึง งานอย่างใดอย่างหนึ่งที่สั่งให้คอมพิวเตอร์ทำ
อาจหมายถึงการทำโปรแกรมหนึ่ง ๆ ก็ได้
|
177
|
On
the job training เป็นการพัฒนาพนักงานที่มีลักษณะเป็นการถ่ายทอดตัวต่อตัว
หัวหน้างานหรือผู้ฝึกจะสามารถชี้แนะ สั่งสอน ถ่ายทอดความรู้และเทคนิคต่างๆ
ให้แก่พนักงานได้อย่างละเอียดโดยตรง
หัวหน้างานหรือผู้ฝึกและพนักงานจึงมีความสัมพันธ์กันอย่างใกล้ชิด
มีความสนิทสนมและไว้วางใจกัน ทั้งช่วยสร้างบรรยากาศที่ดีในการทำงาน
การฝึกปฏิบัติงานปกติในที่ทำการ
(On
the Job Training หรือ Desk Training) เป็นการฝึกอบรมระหว่างการปฏิบัติงานจริง
ๆ เพื่อให้ผู้เข้าอบรมเข้าใจถึงวิธีการทำงานที่ถูกต้องเหมาะสม โดยจำกัด
เฉพาะงานที่จะต้องทำจริงเท่านั้น โดยให้ผู้เข้าอบรมทำงานนั้น ๆ
ตามปกติแล้วมีผู้คอยกำกับดูแลให้ปฏิบัติอย่างถูกต้อง ผู้คอยกำกับ
อาจเป็นหัวหน้างานหรือครูฝึกก็ได้ ซึ่งจะทำหน้าที่อธิบาย หรือสาธิตเพิ่มเติมจากการเรียนรู้
ซึ่งผู้เข้าอบรมได้รับจากการ ฝึกปฏิบัติ ของตนเองเป็นหลัก
ในช่วงหลังการฝึกอบรมแบบนี้ มักจะเป็นการปฏิบัติตามคู่มือการปฏิบัติงาน
ซึ่งได้มีผู้เขียนระบุถึงขั้นตอน และรายละเอียดในการปฏิบัติงานนั้นๆ ไว้แล้ว
|
แหล่งค้นคืนข้อมูล
/ วันเดือนปี : http://www.tu.ac.th/org/ofrector/person/train/handbook/process.html
|
|
178
|
Outreach
program
|
แหล่งค้นคืนข้อมูล
/ วันเดือนปี :
|
|
179
|
Participant
observation
1.
การสังเกตแบบมีส่วนร่วม (Participant Observation) คือการสังเกตที่ผู้สังเกตเข้าไปใช้ชีวิตร่วมกับกลุ่มคนที่ถูกศึกษา
มีการทำกิจกรรมร่วมกัน จนผู้ถูกศึกษายอมรับว่าผู้สังเกตมีสถานภาพบทบาท เช่นเดียวกับตน
ผู้สังเกตจะต้องปรับตัวให้เข้ากับกลุ่มคนที่ศึกษา โดยอาจเข้าไปฝังตัวอยู่ในเหตุการณ์
เข้าไปอาศัยอยู่ในชุมชนเป็นเวลานาน
จนคนในชุมชนรู้สึกว่าเป็นเรื่องธรรมดาที่มีนักวิจัยมาอาศัยอยู่
2.
การสังเกตแบบไม่มีส่วนร่วม (Non-Participant Observation) คือการสังเกตที่ผู้วิจัยเฝ้าสังเกตอยู่วงนอก
ไม่เข้าไปร่วมในกิจกรรมที่ทำอยู่ ข้อดีของวิธีการสังเกตแบบไม่มีส่วนร่วม
กล่าวโดยสรุปทั้งการสังเกตแบบมีส่วนร่วม และการสังเกตแบบไม่มีส่วนร่วมนั้น ต่างมีวัตถุประสงค์ เพื่อสังเกตพฤติกรรมและเหตุการณ์ เพื่อนำมาหาความสัมพันธ์และความหมายของปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้น |
180
|
Participant
research
|
แหล่งค้นคืนข้อมูล
/ วันเดือนปี :
|
|
181
|
Participation
action research
|
แหล่งค้นคืนข้อมูล
/ วันเดือนปี :
|
|
182
|
Pedagogy
หมายถึง ศิลป์และศาสตร์ของการเป็นครู เป็นการใช้เทคนิควิธีทางการสอนและอื่น ๆ
อีกมากที่เกี่ยวกับการสอน คำว่า Pedagogy มาจากคำว่า Paidagogos ในภาษากรีกโบราณ หมายถึง ทาส
ที่ทำหน้าที่สั่งสอนแนะนำการเรียนรู้ให้กับเด็ก ๆ ที่เป็นลูกหลานของทาสตามที่เจ้านายต้องการ
Paulo Freire ซึ่งเป็นนักการศึกษาที่มีชื่อเสียงในคริสศตวรรษที่
20 ได้กล่าวถึง วิกฤติการณ์ของการสอนผู้ใหญ่
และใช้ความหมายของ Pedagogy หมายถึงการใช้ยุทธวิธีการสอนที่ถูกต้องเหมาะสมในการสอนผู้ใหญ่
โดยมีผู้สอนและผู้เรียนเป็นกลไกสำคัญ โดยเฉพาะการสอนให้กับคนที่ไม่รู้อะไรมาก่อนเลยเช่นเด็ก
ๆ
หรือการสอนผู้ใหญ่ที่มีประสบการณ์ในการเรียนรู้หลายอย่างมาแล้วแต่ต้องการเรียนรู้สิ่งใหม่
ๆ ก็ตามหลักการและกระบวนการจะไม่แตกต่างกันมาก
และมักจะอยู่บนสิ่งแวดล้อมการเรียนแบบเดิม ๆ ที่มีมนุษย์เป็นผู้สอน มนุษย์ที่เป็นผู้เรียน
|
แหล่งค้นคืนข้อมูล
/ วันเดือนปี : รองศาสตราจารย์
ดร.กฤษมันต์ วัฒนาณรงค์ แหล่งที่มา : ไทยรัฐออนไลน์http://www.moe.go.th/moe/th/news/detail.php?NewsID=19026&Key=news_research
|
|
183
|
Personalize
instruction
|
แหล่งค้นคืนข้อมูล
/ วันเดือนปี :
|
|
184
|
Progressive
school หมายถึง โรงเรียนพิพัฒนา
(Progressive School) เป็นโรงเรียนที่เน้นการสอนให้นักเรียนดำรงชีวิตในชุมชน
จัดประสบการณ์ในชุมชนให้นักเรียนสัมผัส ครูตามปรัชญาการศึกษาพิพัฒนาการ
จะไม่จัดการเรียนรู้แต่เพียงการอ่านให้ฟังหรือใช้วิธีฝึกหัด แต่จะเป็นผู้จัดกิจกรรมการเรียนรู้ที่สัมพันธ์กับชีวิตจริงของนักเรียนให้มากที่สุด
โดยมีวัตถุประสงค์ให้นักเรียนเกิดประสบการณ์ตรง แนวคิดในการจัดการศึกษาตามปรัชญาพิพัฒนาการ ทำให้เกิดอัตลักษณ์ที่เป็นที่รู้จักกันทั่วไปว่า
“การเรียนรู้จากการปฏิบัติ” (learning
by doing) ตามแนวคิดของ
ศาสตราจารย์ จอห์น ดุย (Jonn Dewey) แห่งภาควิชาปรัชญา มหาวิทยาลัยชิคาโก
(The University of Chicago) เป็นนักปรัชญาคนกลุ่มพิพัฒนาการนิยม
(progressivism)
|
185
|
Project หมายถึง โครงการคือ
กิจกรรมหรือแผนงานที่เป็นหน่วยอิสระหนึ่งที่สามารถทำการวิเคราะห์วางแผนและนำไปปฏิบัติพร้อมทั้งมีลักษณะแจ้งชัดถึงจุดเริ่มต้นและจุดสิ้นสุด
โดยแผนสำหรับกิจการต่างๆต้องระบุวัตถุประสงค์ตามระยะเวลาที่กำหนด โครงการวิชาชีพ
( PROJECT ) หมายถึง
แผนงานที่จัดทำขึ้นอย่างเป็นระบบ หระกอบด้วยกิจกรรมย่อยๆ หลายกิจกรรม
ที่ต้องใช้ทรัพยากรในการดำเนินงานโดยคาดหวังผลงานที่คุ้มค่า มีประโยชน์
แสดงถึงความสามารถทางความคิดริเริ่ม และสร้างสรรค์ในศาสตร์ของตน
มีขั้นตอนในการดำเนินงาน หรือจุดมุ่งหมายในการดำเนินงานอย่างชัดเจน และสามารถนำเสนอผลงานต่อชุมชนได้อย่างมีระบบ
( วีรวุธ มาฆะศิรานนท์ ,
2542 : 26 – 27 )
ประเภทของโครงการวิชาชีพ ได้แก่ โครงการการสำรวจ ( Survey Research Project ) โครงการการทดลอง ( Experimental Research Project ) โครงการจัดทำธุระกิจหรือบริการ ( Entrepreneurship Project ) และโครงการสิ่งประดิษฐ์ ( Invention Project )
|
186
|
Purpose (เพอ'เพิส) n. วัตถุประสงค์, ความมุ่งประสงค์, เป้าหมาย, ความมุ่งหมาย,
ผล, ผลประ-โยชน์, เจตนา,
vt.
มุ่งประสงค์, ประสงค์, ตั้งเป้าหมาย, มีเจตนา, ตั้งใจเด็ดเดี่ยว.
vi. มุ่งประสงค์.
|
187
|
Root
Cause Analysis เรียกย่อๆว่า RCA
เป็นการการค้นหาสาเหตุหรือต้นเหตุของปัญหา เพื่อนำมาแก้ไข
ปรับปรุงและป้องกันปัญหาที่จะเกิดขึ้น
|
188
|
School
– base curriculum หรือ หลักสูตรสถานศึกษา (School-Based Curriculum) หมายถึง
แผนหรือแนวทางหรือข้อกำหนดของการจัดการศึกษาที่จะพัฒนาให้ผู้เรียนมีความรู้ความสามารถ
ซึ่งจัดทำโดยคณะบุคคลของสถานศึกษาและผู้ที่เกี่ยวข้อง
เพื่อพัฒนาผู้เรียน และชุมชน สังคมให้มีคุณภาพตามมาตรฐานการเรียนรู้
และส่งเสริมให้ผู้เรียนรู้จักตนเอง มีชีวิตอยู่ในชุมชน สังคมอย่างมีความสุข
ซึ่งต้องไม่ขัดต่อความมั่นคงของชาติและสิทธิมนุษยชน
|
189
|
School
– base management หรือ การบริหารโดยใช้โรงเรียนเป็นฐานหมายถึง
กลยุทธ์ในการปรับปรุงการศึกษาโดยเปลี่ยนอำนาจหน้าที่ในการตัดสินใจไปจากระดับรัฐหรือเขตการศึกษาไปยังแต่ละโรงเรียน
โดยให้ผู้บริหารโรงเรียน ครู นักเรียน
และผู้ปกครองมีอำนาจควบคุมกระบวนการจัดการศึกษามากขึ้น โดยให้มีหน้าที่และรับผิดชอบตัดสินใจเกี่ยวกับงบประมาณ
บุคลากร และหลักสูตร
|
แหล่งค้นคืนข้อมูล
/ วันเดือนปี : American Association of School Administrators
(1988 cited in Consumer Guide 1993)
http://portal.in.th/inno-poo/pages/732/
|
|
190
|
School
visit
|
แหล่งค้นคืนข้อมูล
/ วันเดือนปี :
|
|
191
|
Site
– based training หรือ เว็บฝึกอบรม (Web-Based Training) อินเทอร์เน็ตฝึกอบรม (Inter-Based Training) หรือ เวิล์ดไวด์เว็บช่วยสอน (WWW-Based Instruction) การจัดการเรียนการสอนผ่านเว็บ(Web-Based
Instruction)
การจัดการเรียนการสอนผ่านเว็บ(Web-Based Learning)
เว็บฝึกอบรม
(Web-based
Training--WBT) เป็นการสอนรายบุคคลที่ส่งข้อมูลเป็นสาธารณะ
หรือเป็นการส่วนตัวที่อาศัยเครือข่ายอินเทอร์เน็ต โดยผ่านทางโปรแกรมเว็บบราวเซอร์
(Web Browser) ลักษณะการฝึกอบรมไม่ได้ถ่ายทอดข้อมูลแบบคอมพิวเตอร์ฝึกอบรม(Computerbased
Training--CBT) แต่เป็นการเข้าไปในเครือข่ายคอมพิวเตอร์เพื่อศึกษาหาความรู้ที่ผู้จัดการฝึกอบรมได้บรรจุไว้ในเซิร์ฟเวอร์
โดยที่เว็บฝึกอบรมสามารถปรับปรุง และพัฒนาข้อมูลให้ทันสมัยได้อย่างรวดเร็วและตลอดเวลา
และการเข้าถึงข้อมูลการฝึกอบรมควบคุมได้โดยผู้ออกแบบการฝึกอบรม (Clark
:1996)
|
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น