วันอาทิตย์ที่ 21 เมษายน พ.ศ. 2562

การจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือ


การจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือ
(The learning partnership)
จริยา ทองหอม
21  เมษายน 2562



                        การจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือ (The learning partnership)  เป็นการจัดการเรียนการสอนที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ โดยใช้กระบวนการกลุ่มให้ผู้เรียนได้มีโอกาสทำงานร่วมกันเพื่อผลประโยชน์และเกิดความสำเร็จร่วมกันของกลุ่ม  การจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือผู้สอนจะต้องเลือกเทคนิคการจัดการเรียนที่เหมาะสมกับผู้เรียน และผู้เรียนจะต้องมีความพร้อมที่จะร่วมกันทำกิจกรรม รับผิดชอบงานของกลุ่มร่วมกัน โดยที่กลุ่มจะประสบความสำเร็จได้ เมื่อสมาชิกทุกคนได้เรียนรู้บรรลุตามจุดมุ่งหมายเดียวกัน นั่นคือ การเรียนเป็นกลุ่มหรือเป็นทีมอย่างมีประสิทธิภาพนั่นเอง

ความหมาย
การเรียนรู้แบบร่วมมือเป็นการจัดการเรียนการสอนที่แบ่งผู้เรียนออกเป็นกลุ่มเล็ก ๆ สมาชิกในกลุ่มมีความสามารถแตกต่างกัน มีการแลกเปลี่ยนความคิดเห็น มีการช่วยเหลือสนับสนุนซึ่งกันและกัน และมีความรับผิดชอบร่วมกันทั้งในส่วนตน  และส่วนรวม  เพื่อให้กลุ่มได้รับความสำเร็จตามเป้าหมายที่กำหนด

วัตถุประสงค์ 
1.  เพื่อให้ผู้เรียนได้เรียนรู้และฝึกทักษะกระบวนการกลุ่มได้ฝึกบทบาทหน้าที่และความรับผิดชอบในการทำงานกลุ่ม
           2.  เพื่อให้ผู้เรียนได้พัฒนาทักษะการคิดค้นคว้า  ทักษะการแสวงหาความรู้ด้วยตนเอง  ทักษะการคิดสร้างสรรค์  การแก้ปัญหา  การตัดสินใจ  การตั้งคำถาม  ตอบคำถาม  การใช้ภาษา  การพูด ฯลฯ
3.  เพื่อให้ผู้เรียนได้ฝึกทักษะทางสังคม  การอยู่ร่วมกับผู้อื่น  การมีน้ำใจช่วยเหลือผู้อื่น การเสีย สละ  การยอมรับกันและกัน  การไว้วางใจ  การเป็นผู้นำ  ผู้ตาม  ฯลฯ

น้อมนำ "ศาสตร์พระราชา" มาใช้ในการออกแบบ
                 การออกแบบการขับเคลื่อนการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือ (The learning partnership) โดยการน้อมนำศาสตร์พระราชา เพื่อปลูกจิตสำนึกแบบระเบิดจากข้างใน ดังนี้
1. เน้นพึ่งตนเองได้
2. คำนึงถึงภูมิสังคม
3. ทำตามลำดับขั้นตอน
4. ประหยัด เรียบง่าย
5. บริการจุดเดียว
6. มุ่งประโยชน์คนส่วนใหญ่  
7. แก้ปัญหาจากจุดเล็ก
8. ใช้ธรรมชาติช่วยธรรมชาติ
9. ไม่ติดตำรา
10. เน้นการมีส่วนร่วม
11. รู้ รัก สามัคคี

ลักษณะของการเรียนรู้
1. มีการทำงานกลุ่มร่วมกัน  มีปฏิสัมพันธ์ภายในกลุ่มและระหว่างกลุ่ม
2. สมาชิกในกลุ่มมีจำนวนไม่ควรเกิน  6  คน
3. สมาชิกในกลุ่มมีความสามารถแตกต่างกันเพื่อช่วยเหลือกัน
4. สมาชิกในกลุ่มต่างมีบทบาทรับผิดชอบในหน้าที่ที่ได้รับมอบหมาย  เช่น  เป็นผู้นำกลุ่ม 
(Leader)  เป็นผู้อธิบาย (Explainer)  เป็นผู้จดบันทึก (Recorder) เป็นผู้ตรวจสอบ (Checker)  เป็นผู้สังเกตการณ์ (Observer) เป็นผู้ให้กำลังใจ (Encourager) ฯลฯ                        

องค์ประกอบสำคัญ
                1.  ความเกี่ยวข้องสัมพันธ์กันในทางบวก  (Positive Interdependence)  หมายถึง การที่สมาชิก       ในกลุ่มทำงานอย่างมีเป้าหมายร่วมกัน  มีการทำงานร่วมกัน โดยที่สมาชิกทุกคนมีส่วนร่วมในการทำงาน
                 2.  การมีปฏิสัมพันธ์ที่ส่งเสริมซึ่งกันและกัน  (Face  To  Face  Pronotive  Interaction)  เป็นการติดต่อสัมพันธ์กัน แลกเปลี่ยนความคิดเห็นซึ่งกันและกัน ให้ข้อมูลย้อนกลับ เปิดโอกาสให้สมาชิกเสนอแนวความคิดใหม่ ๆ เพื่อเลือกในสิ่งที่เหมาะสมที่สุด
                3. ความรับผิดชอบของสมาชิกแต่ละคน  (Individual  Accountability)  เป็นความรับผิดชอบในการเรียนรู้ของสมาชิกแต่ละบุคคล  โดยมีการช่วยเหลือส่งเสริมซึ่งกันและกัน  เพื่อให้เกิดความสำเร็จตามเป้าหมายกลุ่ม  โดยที่สมาชิกทุกคนในกลุ่มมีความมั่นใจ  และพร้อมที่จะได้รับการทดสอบเป็นรายบุคคล
                4.  การใช้ทักษะระหว่างบุคคลและทักษะการทำงานกลุ่มย่อย  (Interdependence  and  Small  Group  Skills)  นักเรียนควรได้รับการฝึกทักษะในการสื่อสาร การเป็นผู้นำ การไว้วางใจผู้อื่น การตัด สินใจ  การแก้ปัญหา  ครูควรจัดสถานการณ์ที่จะส่งเสริมให้นักเรียน  เพื่อให้นักเรียนสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ 
                5.  กระบวนการกลุ่ม  (Group Process)  เป็นวิธีการที่จะช่วยให้การดำเนินงานกลุ่มเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ  สมาชิกทุกคนต้องทำความเข้าใจในเป้าหมายการทำงาน  วางแผนปฏิบัติงานร่วมกัน  ดำเนินงานตามแผนตลอดจนประเมินผลและปรับปรุงงาน

ขั้นตอนการจัดกิจกรรม 
1. ขั้นเตรียมการ  ผู้สอนชี้แจงจุดประสงค์ของบทเรียน ผู้สอนจัดกลุ่มผู้เรียนเป็นกลุ่มย่อย  กลุ่มละประมาณไม่เกิน  6  คน  มีสมาชิกที่มีความสามารถแตกต่างกัน  ผู้สอนแนะนำวิธีการทำงานกลุ่มและบทบาทของสมาชิกในกลุ่ม
2.  ขั้นสอน  ผู้สอนนำเข้าสู่บทเรียน  บอกปัญหาหรืองานที่ต้องการให้กลุ่มแก้ไขหรือคิด วิเคราะห์  หาคำตอบผู้สอนแนะนำแหล่งข้อมูล  ค้นคว้า หรือให้ข้อมูลพื้นฐานสำหรับการคิดวิเคราะห์ผู้สอนมอบหมายงานที่กลุ่มต้องทำให้ชัดเจน
3. ขั้นทำกิจกรรมกลุ่ม  ผู้เรียนร่วมมือกันทำงานตามบทบาทหน้าที่ที่ได้รับ  ทุกคนร่วมรับผิดชอบ ร่วมคิด  ร่วมแสดงความคิดเห็น การจัดกิจกรรในขั้นนี้  ครูควรใช้เทคนิคการเรียนรู้แบบร่วมแรงร่วมใจ  ที่น่าสนใจและเหมาะสมกับผู้เรียน  เช่น  การเล่าเรื่องรอบวง  มุมสนทนา  คู่ตรวจสอบ  คู่คิด  ฯลฯผู้สอนสังเกตการณ์ทำงานของกลุ่ม  คอยเป็นผู้อำนวยความสะดวก  ให้ความกระจ่างในกรณีที่ผู้เรียนสงสัยต้องการความช่วยเหลือ
4. ขั้นตรวจสอบผลงานและทดสอบ  ขั้นนี้ผู้เรียนจะรายงานผลการทำงานกลุ่ม  ผู้สอนและเพื่อนกลุ่มอื่นอาจซักถามเพื่อให้เกิดความกระจ่างชัดเจน  เพื่อเป็นการตรวจสอบผลงานของกลุ่มและรายบุคคล
5.  ขั้นสรุปบทเรียนและประเมินผลการทำงานกลุ่ม  ขั้นนี้ผู้สอนและผู้เรียนช่วยกัน สรุปบทเรียน  ผู้สอนควรช่วยเสริมเพิ่มเติมความรู้  ช่วยคิดให้ครบตามเป้าหมายการเรียนที่กำหนดไว้  และช่วยกันประเมินผลการทำงานกลุ่มทั้งส่วนที่เด่นและส่วนที่ควรปรับปรุงแก้ไข

เทคนิคการเรียนรู้แบบร่วมมือ มีหลายวิธี  ดังนี้
1. ปริศนาความคิด  (Jigsaw) เป็นเทคนิคที่สมาชิกในกลุ่มแยกย้ายกันไปศึกษาหาความรู้  ในหัวข้อเนื้อหาที่แตกต่างกัน  แล้วกลับเข้ากลุ่มมาถ่ายทอดความรู้ที่ได้มาให้สมาชิกกลุ่มฟัง 
2. กลุ่มร่วมมือแข่งขัน  (Teams  Games  Toumaments : TGT) เป็นกิจกรรมที่สมาชิกในกลุ่มเรียนรู้เนื้อหาสาระจากผู้สอนด้วยกัน  แล้วแต่ละคนแยกย้ายไปแข่งขันทดสอบความรู้  คะแนนที่ได้ของแต่ละคนจะนำมารวมกันเป็นคะแนนของกลุ่ม  กลุ่มที่ได้คะแนนรวมสูงสุดเป็นทีมชนะเลิศ
3.  กลุ่มร่วมมือช่วยเหลือ  (Team  Assisted  Individualization : TAT)  เป็นการเรียนรู้ที่เปิดโอกาสให้สมาชิกแต่ละคนได้แสดงความสามารถเฉพาะตนก่อน  แล้วจึงจับคู่ตรวจสอบกันและกัน  ช่วยเหลือกันทำใบงานจนสามารถผ่านได้  ต่อจากนั้นจึงนำคะแนนของแต่ละคนมารวมเป็นคะแนนของกลุ่ม  กลุ่มที่ได้คะแนนสูงสุดจะเป็นฝ่ายได้รับรางวัล
4.  กลุ่มสืบค้น  (Group  Investigation : GI) เป็นเทคนิคการจัดกิจกรรมที่ให้ผู้เรียนได้ฝึกทักษะการศึกษาค้นคว้าแสวงหาความรู้ด้วยตนเอง  ผู้เรียนแต่ละกลุ่มได้รับมอบหมายให้ค้นคว้าหาความรู้มานำเสนอ  โดยที่ทุกคนในกลุ่มรับรู้และช่วยกันทำงาน ผู้เรียนจะนำเสนอผลงานทีละกลุ่ม  แล้วร่วมกันประเมินผลงาน
5.  กลุ่มเรียนรู้ร่วมกัน  (Learning  Together : LT)  เป็นเทคนิคการจัดกิจกรรมที่ให้สมาชิกในกลุ่มได้รับผิดชอบ  ทุกคนช่วยกันทำงาน กลุ่มจะได้ผลงานที่เกิดจากการทำงานของทุกคน
6. กลุ่มร่วมกันคิด  (Numbered  Heads  Together : NHT) เป็นเทคนิคการจัดกิจกรรมที่ให้สมาชิกกลุ่มที่มีความสามารถแตกต่างกันร่วมกันอภิปรายปัญหาที่ได้รับเพื่อให้เกิดความพร้อมและความมั่นใจที่จะตอบคำถามผู้สอน  ผู้สอนจะเรียกสมาชิกกลุ่มให้ตอบทีละคน  แล้วนำคะแนนของแต่ละคนมารวมเป็นคะแนนของกลุ่ม
7. กลุ่มร่วมมือ  (Co-op  Co-op)  เป็นเทคนิคการทำงานกลุ่มโดยสมาชิกในกลุ่มที่มีความสามารถและความถนัดแตกต่างกันแบ่งหน้าที่รับผิดชอบไปศึกษาหัวข้อย่อยทีได้รับมอบหมายแล้วนำงานจากการศึกษาค้นคว้ามารวมกันเป็นงานกลุ่มปรับปรุงให้ต่อเนื่องเชื่อมโยง  มีความสละสลวย  เสร็จแล้วจึงนำเสนอต่อชั้นเรียน  ทุกกลุ่มจะช่วยกันประเมินผลงาน
จากที่กล่าวมาทั้งหมดสรุปได้ว่า  การจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือเป็นวิธีการฝึกผู้เรียนให้มีทักษะปฏิสัมพันธ์กับบุคคลอื่นอย่างแท้จริง  ฝึกความรับผิดชอบ  ฝึกความเป็นผู้นำ ผู้ตาม  ฝึกการทำงานให้ประสบผลสำเร็จ และฝึกทักษะทางสังคม  ผู้สอนควรเลือกใช้เทคนิควิธีต่าง ๆ ให้เหมาะสมกับเนื้อหาสาระและจุดประสงค์การเรียนรู้ที่กำหนดไว้





ที่มาการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือ. สืบค้นเมื่อ 15  เมษายน 2562
จาก https://prapaipook77.files.wordpress.com/2012/01/cooperative-learning
ครรชิต มนูญผล.  (2561  มีนาคม 21).  ศาสตร์พระราชา.  สืบค้นเมื่อ 23 เมษายน 2562
จาก  https://www.facebook.com/1512687895617470/
จริยา ทองหอม. (2562 เมษายน 21).  การจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือจาก  https://tonghom2009.blogspot.com/



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น