วันอังคารที่ 3 มิถุนายน พ.ศ. 2557

การวิจัยในชั้นเรียน (Classroom Research)




รายงานการวิจัยในชั้นเรียน

ผลการสอนกลุ่มสาระการเรียนรู้ศิลปศึกษา  เรื่อง   ศิลปะกับความงามในธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม  
ของ  นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ ภาคเรียนที่  1  ปีการศึกษา 2549  โรงเรียนบ้านแพรกกลาง  
โดยใช้วิธีการสอนแบบปฏิบัติจริง (Practical  Learning) 
โดยจริยา   ทองหอม  โรงเรียนบ้านแพรกกลาง  สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษานครศรีธรรมราช  เขต 2



บทคัดย่อ
               
ผู้วิจัยพบว่า ปัญหาการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนวิชาศิลปะ คือนักเรียนส่วนใหญ่ไม่วางแผนการทำงาน    ไม่ชอบการอ่านหนังสือหรือศึกษาหาความรู้ด้วยตนเอง  ร่างภาพโดยไม่คำนึงถึงหลักการจัดองค์ประกอบภาพ  ขาดความพิถีพิถันในการระบายสีภาพ  ผู้วิจัยจึงศึกษาแนวทางแก้ไขปัญหา  โดยได้พัฒนานวัตกรรม   มีชื่อว่า  วิธีการสอนแบบปฏิบัติจริง (Practical  Learning)และกำหนดวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาผลการสอนกลุ่มสาระการเรียนรู้ศิลปศึกษา   เรื่อง   ศิลปะกับความงามในธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม  โดยใช้วิธีการสอนแบบปฏิบัติจริง (Practical  Learning) เมื่อทำการสอนกับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่  3  ภาคเรียนที่  1  ปีการศึกษา 2549  โรงเรียนบ้านแพรกกลาง  ในระยะเวลา  15  วัน   ด้วยเครื่องมือที่ผู้วิจัยจัดทำขึ้น  สรุปผลการวิเคราะห์ข้อมูล   ดังนี้      ด้านพุทธิพิสัย   พบว่า  วิธีการสอนแบบปฏิบัติจริง  ( Practical  Learning )  ทำให้นักเรียนมีความรู้ความเข้าใจ  เรื่อง    ศิลปะกับความงามในธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม  และผ่านเกณฑ์ที่กำหนดระดับดี   ด้านจิตพิสัย   พบว่า   วิธีการสอนแบบปฏิบัติจริง ( Practical  Learning )  ทำให้นักเรียนมีพฤติกรรมผ่านเกณฑ์ที่กำหนดในระดับดีมาก ซึ่งสอดคล้องกับสมมุติฐาน ด้านทักษะพิสัย พบว่า  ทักษะความสามารถในการเขียนภาพระบายสี   เรื่อง  ศิลปะกับความงามในธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมของนักเรียนต่ำกว่าเกณฑ์ที่กำหนด  เมื่อพิจารณารายบุคคล  พบว่านักเรียนที่มีคะแนนอยู่ในระดับปรับปรุง  ผู้วิจัยจึงควรใช้วิธีการสอนแบบปฏิบัติจริง  ( Practical  Learning )  ในการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนและทำการวิจัยในชั้นเรียนต่อไป


บทนำ

ปัญหาและความสำคัญของการวิจัย
         การศึกษาวิเคราะห์สภาพปัญหาผู้เรียน   ในการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนกลุ่มสาระการเรียนรู้ศิลปศึกษา  เรื่อง   ศิลปะกับความงามในธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม    ของ       นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่   3    ภาคเรียนที่  1   ปีการศึกษา   2549      โรงเรียนบ้านแพรกกลาง   พบว่าทักษะการเขียนภาพระบายสีของนักเรียนเมื่อเปรียบเทียบกับระดับคุณภาพการศึกษา  อยู่ในระดับคุณภาพปรับปรุงอย่างยิ่ง   ปัญหาที่พบจากการสังเกตพฤติกรรมนักเรียนในระหว่างทำการสอน  ได้แก่   นักเรียนขาดทักษะในการสังเกต   นักเรียนขาดความมั่นใจและขาดความเชื่อมั่นในการแสดงออก   นักเรียนไม่สนใจและไม่ตั้งใจเรียน  ทำงานไม่เสร็จในเวลาที่กำหนด  ไม่ทำงานส่งตามที่ได้รับมอบหมาย        และจากการตรวจผลงานนักเรียน   พบว่านักเรียนวาดภาพเล็กๆ  มีขนาด  สัดส่วน  รูปร่างและรูปทรงไม่เหมาะสมกับขนาดของกระดาษ   นักเรียนไม่มีความรู้เกี่ยวกับทัศนธาตุ  สี   วงจรสี  ทฤษฎีสี   นักเรียนไม่มีความรู้เกี่ยวกับการใช้ดินสอในการร่างภาพ การใช้เส้นลักษณะต่างๆ   ไม่มีความรู้เกี่ยวกับการจัดองค์ประกอบภาพและการระบายสีภาพ   ภาพผลงานของนักเรียนไม่เสร็จสมบูรณ์  สกปรก  ไม่สะอาด  ขาดความละเอียด ประณีต  ผลงานไม่สวยงามหรือสร้างสรรค์   นักเรียนระบายสีเฉพาะวัตถุสิ่งของที่วาดแต่ไม่ระบายสีพื้น  ระบายสีไม่เต็มหน้ากระดาษ  ระบายสีไม่เรียบ    ระบายสีซ้ำซ้อนทำให้ภาพสกปรก เลอะเทอะ  และไม่มีอุปกรณ์สำคัญ คือ สีชอล์ค สำหรับการฝึกหัด     จากสภาพปัญหาที่พบทำให้ผู้วิจัยต้องการทราบว่า การสอนศิลปศึกษสามารถพัฒนาคุณภาพผู้เรียนได้อย่างไร  จึงจัดทำวิจัยในชั้นเรียน  โดยใช้วิธีการสอนแบบปฏิบัติจริง  ( Practical  Learning )     ในการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนกลุ่มสาระการเรียนรู้ศิลปะ   ให้แก่นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่  ของโรงเรียนบ้านแพรกกลาง  ปีการศึกษา  2549     โดยการทดสอบก่อนเรียน  การศึกษาค้นคว้าสาระความรู้   การฝึกปฏิบัติกิจกรรม   และการทดสอบหลังเรียน      เพื่อศึกษาและพัฒนาคุณภาพของผู้เรียนทั้งในด้านพุทธิพิสัย   จิตพิสัย  และด้านทักษะพิสัย    เพื่อพัฒนาผู้เรียนในด้านร่างกาย  จิตใจ  สติปัญญา  อารมณ์  และสังคม ตามตามเจตนารมณ์ของกระทรวงศึกษาธิการ


วัตถุประสงค์ของการวิจัย
         เพื่อศึกษาผลการสอนกลุ่มสาระการเรียนรู้ศิลปศึกษา    เรื่อง    ศิลปะกับความงามในธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม   ของ  นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่  3  ภาคเรียนที่ 1  ปีการศึกษา  2549  โรงเรียนบ้านแพรกกลาง  โดยใช้วิธีการสอนแบบปฏิบัติจริง (Practical  Learning
  
สมมุติฐานการวิจัย
         เมื่อสิ้นสุดการจัดกิจกรรมการเรียนการสอน   เรื่อง   ศิลปะกับความงามในธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม  โดยใช้วิธีการสอนแบบปฏิบัติจริง (Practical  Learning) นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3  มีผลการเรียนรู้ผ่านเกณฑ์ในระดับดีขึ้น
  
ความสำคัญและประโยชน์ของการวิจัย
 1.   ใช้เป็นข้อมูล/แนวคิดในการพัฒนาการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนวิชาศิลปะ
2.   ใช้เป็นข้อมูล/แนวคิดในการพัฒนาการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนวิชาอื่นๆ
3.   ใช้เป็นข้อมูล/แนวคิดในการวิจัยในชั้นเรียน
  
ขอบเขตของการวิจัย
         ขอบเขตของเนื้อหา
-   การสังเกตลักษณะธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
-   องค์ประกอบในธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
-   วิธีการสอน  แบบปฏิบัติจริง  ( Practical  Learning )    

ประชากรและกลุ่มตัวอย่างที่ศึกษา        
-   นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่  3  ภาคเรียนที่ 1  ปีการศึกษา  2549  โรงเรียนบ้านแพรกกลาง   จำนวน  15  คน    

ตัวแปรที่ศึกษา
-      ตัวแปรต้น      วิธีการสอน  แบบปฏิบัติจริง  ( Practical  Learning )       
-     ตัวแปรตาม     ผลการสอนศิลปะกับความงามในธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม  
  
คำนิยามศัพท์เฉพาะ
 -   นักเรียน   หมายถึง  นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่  3   ภาคเรียนที่  1   ปีการศึกษา  2549  โรงเรียนบ้านแพรกกลาง   จำนวน  15  คน    
-   วิธีการสอนแบบปฏิบัติจริง  ( Practical  Learning )  หมายถึง   กระบวนการจัดกิจกรรมการเรียนการสอน ที่ผู้วิจัยได้พัฒนารูปแบบการจัดกิจกรรมตามวิธีการที่นำมาใช้ในการฝึกหัดผู้เรียน  โดยใช้ชื่อว่า   วิธีการสอนแบบปฏิบัติจริง               ( Practical  Learning )    
-   ศิลปะกับความงาม ในธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม  หมายถึง ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรอบตัวเรา  มีความงดงาม                 แตกต่างกัน  ซึ่งเราสามารถถ่ายทอดออกมาเป็นผลงานศิลปะได้
-   การเขียนภาพระบายสี   หมายถึง   การวาดภาพเพื่อกำหนดเค้าโครงเรื่องและองค์ประกอบของภาพ  แสงเงา  และสี   แล้วจึงระบายสีหรือแรเงาให้ภาพเขียนนั้นมีความสวยงาม  และน่าสนใจ

ข้อจำกัดการวิจัย
-    ระยะเวลาของการฝึกปฏิบัติจริงมีข้อจำกัด        

สถิติที่ใช้ในการวิจัย
-      สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล   คือ    ค่าเฉลี่ย       ค่าร้อยละ    และระดับคุณภาพของเกณฑ์มาตรฐานสถานศึกษา

 







บทสรุป 

ผู้วิจัยพบว่า  นักเรียนที่ส่วนใหญ่ที่เรียนวิชาศิลปะ  ไม่วางแผนในการทำงาน  ไม่ชอบอ่านหนังสือหรือศึกษาหาความรู้ด้วยตนเอง   ร่างภาพโดยไม่คำนึงถึงหลักการจัดองค์ประกอบ   ภาพ   ระบายสีภาพไม่สวยงาม  ทำให้ผลงานการเขียนภาพระบายสีของนักเรียนอยู่ในระดับคุณภาพปรับปรุง    ผู้วิจัยจึงศึกษาแนวทางแก้ไขปัญหา    โดยได้พัฒนานวัตกรรม  มีชื่อว่า   วิธีการสอนแบบปฏิบัติจริง  ( Practical  Learning )   และกำหนดวัตถุประสงค์  เพื่อศึกษาผลการสอนกลุ่มสาระการเรียนรู้ศิลปศึกษา   เรื่อง    ศิลปะกับความงามในธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม    โดยใช้วิธีการสอนแบบปฏิบัติจริง  ( Practical  Learning )   เมื่อทำการสอนกับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่  3    ภาคเรียนที่  1   ปีการศึกษา   2549      โรงเรียนบ้านแพรกกลาง     ในระยะเวลา  15  วัน   ด้วยเครื่องมือที่ผู้วิจัยจัดทำขึ้น  สรุปผลการวิเคราะห์ข้อมูล   ดังนี้
                1.   ด้านพุทธิพิสัย   ผลการวิจัยพบว่า  วิธีการสอนแบบปฏิบัติจริง  ( Practical  Learning )  ทำให้นักเรียนมีความรู้ความเข้าใจ  เรื่อง    ศิลปะกับความงามในธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม   และผ่านเกณฑ์ที่กำหนดระดับดี  ซึ่งสอดคล้องกับสมมุติฐาน  เมื่อพิจารณารายบุคคล  พบว่า    นักเรียนที่มีคะแนนมากขึ้น   อยู่ในระดับพอใช้  จำนวน  คน    คิดเป็นร้อยละ 40         นักเรียนที่มีคะแนนมากขึ้น   อยู่ในระดับดี  จำนวน  คน    คิดเป็นร้อยละ 13.33    นักเรียนที่มีคะแนนมากขึ้น   อยู่ในระดับดีมาก  จำนวน  คน    คิดเป็นร้อยละ   46.67 
                2.   ด้านจิตพิสัย   ผลการวิจัยพบว่า  วิธีการสอนแบบปฏิบัติจริง  ( Practical  Learning )  ทำให้นักเรียนมีพฤติกรรมผ่านเกณฑ์ที่กำหนดในระดับดีมาก  ซึ่งสอดคล้องกับสมมุติฐาน  เมื่อพิจารณารายบุคคล  พบว่า    นักเรียนมีพฤติกรรมอยู่ในระดับต้องปรับปรุง  จำนวน  คน  คิดเป็นร้อยละ  6.67        นักเรียนมีพฤติกรรมอยู่ในระดับพอใช้   จำนวน  คน    คิดเป็นร้อยละ  13.33     นักเรียนมีพฤติกรรมอยู่ในระดับดีมาก   จำนวน   12  คน    คิดเป็นร้อยละ   80 
                3.  ด้านทักษะพิสัย   ผลการวิจัยพบว่า  ทักษะความสามารถในการเขียนภาพระบายสี    เรื่อง    ศิลปะกับความงามในธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมของนักเรียนต่ำกว่าเกณฑ์ที่กำหนด  เมื่อพิจารณารายบุคคล  พบว่า    นักเรียนที่มีคะแนนอยู่ในระดับปรับปรุงอย่างยิ่ง    จำนวน  คน    คิดเป็นร้อยละ 46.67        นักเรียนที่มีคะแนนอยู่ในระดับปรับปรุง  จำนวน  คน    คิดเป็นร้อยละ 26.67    นักเรียนที่มีคะแนนอยู่ในระดับพอใช้   จำนวน  คน    คิดเป็นร้อยละ   13.33  นักเรียนที่มีคะแนนอยู่ในระดับดี   จำนวน  คน    คิดเป็นร้อยละ   13.33   ผู้วิจัยควรใช้วิธีการสอนแบบปฏิบัติจริง  ( Practical  Learning )  ในการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนอย่างต่อเนื่องสม่ำเสมอ











ข้อเสนอแนะ

1.   ข้อเสนอแนะในการนำผลการวิจัยไปใช้ 
         สถานศึกษาควรสนับสนุน  และเปิดโอกาสให้บุคลากรในสถานศึกษา  ได้นำข้อมูลและผลการวิจัยมาใช้ในการพัฒนาการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนในวิชาศิลปะ  และการพัฒนาการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนวิชาอื่นๆ    โดยมีการจัดสรรงบประมาณสนับสนุนการโครงการวิจัยของบุคลากร
         สถานศึกษาควรมีแผนการจัดกิจกรรมการประกวดผลงานนักเรียน   เนื่องในวันสำคัญต่างๆ  เป็นแผนประจำปี    และกระตุ้นให้บุคลากรในสถานศึกษามีความตระหนัก  เห็นคุณค่า  และความสำคัญของการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ 

2. ข้อเสนอแนะในการวิจัยครั้งต่อไป
                ผู้วิจัย ควรนำ วิธีการสอนแบบปฏิบัติจริง (Practical  Learning) ไปใช้และทำการวิจัยในการจัดกิจกรรม             การเรียนการสอนศิลปะ เพื่อพัฒนากระบวนการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนที่เหมาะสมกับผู้เรียน   ชุมชน  และท้องถิ่นต่อไป










บรรณานุกรม

ครรชิต   มนูญผล.   ชุดอบรมเชิงปฏิบัติการ    กระบวนการจัดทำ   แผนการจัดการเรียนรู้ตามแนวทางอาจารย์ใหม่ .  
        สปจ. นครศรีธรรมราช.   :  2546.
จริยา   ทองหอมรายงานการวิจัยในชั้นเรียน  เรื่อง  การพัฒนาทักษะการเขียนภาพระบายสี :  ยาเสพติด  ของตัวแทน
        นักเรียนช่วงชั้นที่ 1, 2 และ3  ปีการศึกษา  2548  โรงเรียนบ้านแพรกกลาง  โดยใช้เทคนิคการสร้างแบบการเรียนรู้ 
        ของตนเอง   นครศรีธรรมราช  :  2548.
ชาตรี   สำราญ วิจัยในชั้นเรียน  แบบชาตรี  สำราญโรงเรียนไทยรัฐวิทยา  24  .ยะลา. :  เมืองแพร่การพิมพ์,  2543. 
ชาญวิทย์   เทียมบุญประเสริฐ,   วิธีการวิจัยทางพฤิตกรรมศาสตร์และสังคมศาสตร์. สำนักทดสอบ  ทางการศึกษาและ
        จิตวิทยา  มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ประสานมิตร. 2525
เทียนชัย   เสาจินดารัตน์แนวการจัดกิจกรรมการเรียนการรู้ทัศนศิลป์    ชั้นประถมศึกษาปีที่  4.  เอกสารนิเทศสาระ
        การเรียนรู้ศิลปะ สาระทัศนศิลป์, หน่วยศึกษานิเทศก์.  สำนักงานการประถมศึกษา    จังหวัดแม่ฮ่องสอน,  2546.
บ้านแพรกกลางหลักสูตรสถานศึกษานครศรีธรรมราช ,  2546.
ปฏิรูปการศึกษาสำนักงาน. พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.. 2542. กรุงเทพ :โรงพิมพ์คุรุสภาลาดพร้าว
        2543.
พะยอม  วงศ์สารศรีจิตวิทยาการสอนและการศึกษากรุงเทพ  : สารเศรษฐ์. 2526.
พิศาล   ศรีคำรายงานการใช้แผนการสอนและแบบฝึก วิชาคอมพิวเตอร์ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3-4. สำนักงานเขตพื้นที่
        การศึกษากรุงเทพมหานคร เขต 1, สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน. 2544.
เลิศ  อานันทะ . ศิลปศึกษา  ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3. ( ตัวอย่างหนังสือเรียน ), กรุงเทพฯ : .., มปป
วันชัย   พงษา.   จัดการเรียนการสอนอย่างไร  ทำให้เด็กมีปัญญา. นครศรีธรรมราช : โรงพิมพ์เม็ดทราย,  2544. 
วิชาการกรม.   การวิจัยเพื่อพัฒนาการเรียนรู้  ตามหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐานกรุงเทพฯ  : โรงพิมพ์คุรุสภา
       ลาดพร้าว, 2545.
วิชาการกรมหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน   พ.. 2544.  กรุงเทพฯ  :  องค์การรับส่งสินค้าและพัสดุภัณฑ์,  2545.
วิรุณ  ตั้งเจริญ.   ชุดกิจกรรมการเรียนรู้สาระการเรียนรู้ศิลปะ  : ทัศนศิลป์ ช่วงชั้นที่ 1.  กรุงเทพฯ  :  สถาบันพัฒนา
       คุณภาพวิชาการ  (..),  2545. 
สมศักดิ์  สินธุระเวชญ์  และคณะหนังสือเรียนสมบูรณ์แบบ  สลน 1.  ชั้นประถมศึกษาปีที่ 1. กรุงเทพฯ :  วัฒนาพานิช,  
       2543. 
สุชาติ   เถาทอง  และคณะ. หนังสือเรียนศิลปะ ทัศนศิลป์.   ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1.กรุงเทพฯ  :  อักษรเจริญทัศน์,  2546.
สุรพล   ขันธศุภหนังสืออ่านประกอบอ้างอิงชุด ศิลปะสำหรับเด็กประถม  เรื่องการเขียนภาพระบายสี. กรุงเทพฯ  :  
       สำนักพิมพ์บรรณกิจ ,  2543. 
สมาน   จันทะดี.   การเขียน  การพิมพ์รายงานเอกสารทางวิชาการและการอ้างอิง. กรุงเทพฯ : สถาบันพัฒนา
       ความก้าวหน้า, 2546.
สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน. การวิจัยแบบง่าย จุดเริ่มของครูมืออาชีพ ( ชุดฝึกอบรมทางไกล
      บุคลากรการศึกษาขั้นพื้นฐานเส้นทางปฏิรูปการเรียนรู้ ครูปฏิรูป  ตอนที่  7 )  กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์อุษาการพิมพ์, 
       2547. 
เอกรินทร์   สี่มหาศาล  และคณะ. สื่อการเรียนรู้แม่บทมาตรฐานศิลปะ ป.3. กรุงเทพฯ  อักษรเจริญทัศน์  อจท.  
       จำกัด,  2548.
อรัญ  กั่วพานิช. คู่มือการฝึกอบรม การพัฒนาการเรียนการสอนเป็นสำคัญด้วยการวิจัยในชั้นเรียนและแบบฝึกปฏิบัติ 
        สงขลา  : หน่วยศึกษานิเทศก์  สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาสงขลา  เขต  1,  2548.













 .....................................................................................................















ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น